BLOG

    Home Blog Latest ACT vs SAT อันไหนยากกว่า?  เลือกยังไงให้ตรงจุด

ACT vs SAT อันไหนยากกว่า?  เลือกยังไงให้ตรงจุด

ACT vs SAT อันไหนยากกว่า

ปัจจุบันการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย สามารถนำคะแนนสอบต่างๆ ไปยื่นเพิ่มเติมเพื่อเข้าเรียนคณะและสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยการสอบที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง SAT ก็เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่น้องๆ นักเรียนเลือกสอบ แต่ล่าสุดที่ทาง College Board ได้ประกาศยกเลิก SAT Subject Tests และ SAT Essay ซึ่งส่งผลให้หลายคนต้องหาตัวเลือกการสอบอื่นมาทดแทน ACT จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ทางมหาวิทยาลัยเปิดรับ ให้น้องๆ ได้สอบและยื่นคะแนนเข้าคณะในฝัน ซึ่ง ACT และ SAT ล้วนเป็นข้อสอบที่ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ แต่ว่า ACT กับ SAT อันไหนยากกว่า เลือกยังไงดี? เรามาหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย 

ACT vs SAT เลือกยังไง

มาทำความรู้จักกับ ACT vs SAT ว่าคืออะไร

ACT และ SAT เป็นข้อสอบวัดทักษะการใช้เหตุผล การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสารซึ่งการสอบทั้งสองตัว น้องๆ สามารถนำไปยื่นประกอบการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในคณะที่ตนเองต้องการได้ แต่น้องๆ อาจจะมีคำถามที่ว่าข้อสอบทั้งสองจะเป็นอย่างไร และมีลักษณะอย่างไร จะได้ทำความเข้าใจและเตรียมตัวถูก เอาเป็นว่าเราไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่า

ข้อสอบ ACT

American College Testing Assessment หรือที่เรารู้จักกันแบบสั้นๆ ว่า ACT เป็นข้อสอบที่วัดทักษะการใช้เหตุผล การแก้ปัญหา การวิเคราะห์ และการสื่อสาร ทั้งยังมีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบความพร้อมของผู้เรียนสำหรับการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย โครงสร้างของข้อสอบ ACT ก็จะประกอบไปด้วย 

  • English
  • Math
  • Reading
  • Science Reasoning
  • Essay (Optional)


จากรายละเอียดวิชาสอบของ ACT จะครบถ้วนทั้งวิชาภาษาอังกฤษ คณิตฯ และวิทยาศาสตร์ สำหรับน้องๆ ที่ต้องยื่นคะแนน 3 กลุ่มเข้ามหาวิทยาลัย ก็จะสอบได้ครบในครั้งเดียว

ข้อสอบ SAT

SAT หรือชื่อเต็มที่ว่า Scholastic Assessment Test เป็นการสอบที่จัดขึ้นโดย College Board เพื่อวัดระดับความถนัดในวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษที่เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล ใช้เพื่อเป็นคะแนนยื่นเข้าสมัครมหาวิทยาลัยต่างๆ  โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการสอบแบบ Digital ในปี 2023 แต่เนื้อหาก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก  โดยโครงสร้างข้อสอบ SAT มีดังนี้

SAT

  • Evidence-based Reading
  • Writing & Language
  • Math

ก่อนหน้าที่จะยกเลิก ​SAT II  หลายๆ คณะที่จำเป็นต้องยื่นคะแนนกลุ่มวิทยาศาสตร์ น้องๆ จำเป็นต้องสอบเพิ่มจาก SAT ปกติ ที่มีแค่ข้อสอบภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์เท่านั้น หลังจากยกเลิกก็ทำให้ ACT เริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้นเพราะมีครบทั้งสามส่วน ซึ่งหากใครไม่ถนัดสอบ ACT ก็มีคะแนนอื่นๆ ที่สามารถสอบแทนส่วนนี้ได้ จะต้องเช็คจากประกาศมหาวิทยาลัยแต่ละปีว่ามีเกณฑ์ยังไงบ้าง

ACT vs SAT เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบข้อสอบ ACT vs SAT เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

ACT และ SAT มีความคล้ายคลึงกันมาก จะเห็นได้ว่าเมื่อ SAT Subject Tests ถูกยกเลิกไป หลายๆ มหาวิทยาลัยก็ได้เปลี่ยนมารับคะแนน ACT มากขึ้น  อย่างไรก็ตาม แม้ SAT และ ACT จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีบางมุมที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้น มาดูกันดีกว่าว่า ข้อสอบทั้งสองตัวนี้มีส่วนใดที่คล้ายคลึงและแตกต่างกันบ้าง

ความเหมือนของ ACT และ SAT

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความประสงค์จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยในไทยหรือต่างประเทศก็ต้องมีคะแนนที่นำไปยื่นประกอบการพิจารณาเข้ารับศึกษาต่อ การสอบอย่างเช่น ACT หรือ SAT จึงเข้ามีบทบาทในส่วนนี้ มีหน้าที่วัดทักษะความรู้ความสามารถในการใช้เหตุผล คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหา นอกจากนี้การสอบทั้งสองแบบก็มีความเหมือนกันอีกก็คือ ทางมหาวิทยาลัยจะรับคะแนนเหล่านี้เมื่อมีการแอดมิชชั่นเข้ามา รวมถึงการขอทุนชนิด Merit-based Scholarship  และการสอบ Essay ก็จะไม่บังคับสอบเหมือนกัน

ความต่างของ ACT และ SAT

ถึงแม้การสอบ SAT  และ ACT จะมีหลายๆ ส่วนที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ยังมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่มาก โดยความแตกต่างของข้อสอบทั้งก็มีดังต่อไปนี้

  • เวลาในการสอบ

ในการสอบ SAT (Paper-based) ข้อสอบจะใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมง (ไม่มี Essay) และ 3 ชั่วโมง 58 นาที (มี Essay) แต่ในปี 2023 ที่ปรับรูปแบบเป็น Computer-based จะเหลือเวลาสอบเพียง 2 ชั่วโมง 14 นาที ส่วนการสอบ ACT ใช้เวลาสอบทั้งหมด 2 ชั่วโมง 55 นาที (ไม่มี Writing) และ 3 ชั่วโมง 35 นาที (มี Writing)

  • การใช้เครื่องคิดเลข

ข้อสอบในรายวิชาคณิตศาสตร์ของ SAT (Paper-based) ไม่สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ในบางข้อ ส่วนข้อสอบ ACT สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ทุกข้อแบบไม่มีข้อยกเว้น แต่สำหรับ Digital SAT 2023 ก็สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน

  • จำนวนข้อสอบในแต่ละพาร์ท

ข้อสอบ SAT ประกอบไปด้วย Evidence-based Reading จำนวน 52 ข้อ Writing and Language จำนวน 44 ข้อ Math – No Calculator จำนวน 20 ข้อ Math Calculator จำนวน 38 ข้อ และ Essay (Optional) 1 ข้อ
Digital SAT 2023  พาร์ท Reading & Writing 54 ข้อ ​พาร์ท Math 44 ข้อ
ในส่วนของ ACT นั้น ประกอบไปด้วย English 75 ข้อ Math จำนวน 60 ข้อ  Reading จำนวน 40 ข้อ Science จำนวน 40 ข้อ Writing (Optional) จำนวน 1 ข้อ

  • การคิดคะแนนสอบ

คะแนน SAT มีคะแนนอยู่ที่ 400-1,600 คะแนน โดยแบ่งเป็น คะแนนวิชาคณิตศาสตร์ 800 คะแนน คะแนนวิชาภาษาอังกฤษ Evidenced-based Reading 400 คะแนน Writing and Language 400 คะแนน รวม 800 คะแนน ส่วนคะแนน ACT มีระดับคะแนนอยู่ที่ 1-36 คะแนน แบ่งเป็นคะแนนเป็นพาร์ทละ 1-36 คะแนน นำมาเฉลี่ยคะแนนรวมอีกที ซึ่งคะแนนเต็มคือ 36 คะแนน

  • ค่าสอบ

ค่าสอบ SAT ในไทยจะอยู่ที่ราวๆ 3,300 บาท และค่าสอบ ACT ในไทยจะอยู่ที่ราวๆ 5,600 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

  • จำนวนรอบสอบต่อปี

แม้ว่าจำนวนรอบสองของ SAT และ ACT จะใกล้เคียงกัน แต่ก็ถือว่าแตกต่างกันอยู่ โดยจำนวนรอบสอบของ SAT มีปีละประมาณ 4 หรือ 5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปีนั้นๆ โดยปกติจะสอบในช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม ตุลาคม และธันวาคม ส่วนจำนวนรอบสอบของ ACT นั้น มีจำนวนปีละ 5 ครั้ง ได้แก่ช่วงเดือนเมษาบน มิถุนายน กันยายน ตุลาคม และธันวาคม

ข้อสอบ SAT กับ ACT อันไหนยากกว่ากัน

ข้อสอบ SAT กับ ACT อันไหนยากกว่ากัน

ศึก ACT vs SAT อันไหนยากกว่ากัน? คงจะตอบได้ยาก เพราะทั้งคู่มีความคล้ายคลึงกัน ไม่สามารถตัดสินได้ว่าอันไหนยากกว่ากัน เพราะความยากง่ายไม่ได้วัดที่เนื้อหาเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่ความถนัดของแต่ละคนด้วย นอกจากนี้ระยะเวลาในการสอบและจำนวนข้อของ ACT กับ SAT ก็ส่งผลต่อความยากง่ายด้วยเช่นกัน 

สำหรับข้อสอบ SAT นั้นแม้จะเป็นข้อสอบที่มีจำนวนข้อสอบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับข้อสอบ ACT แต่เนื้อหาส่วนใหญ่มีความซับซ้อน และเป็นคำถามที่มีเหลี่ยมมีมุม ทำให้ต้องใช้เวลาในการคิดและไตร่ตรองพอสมควร ที่สำคัญข้อสอบ SAT นั้นมีพาร์ทในการสอบคณิตศาสตร์ 2 ส่วน ซึ่งคิดเป็น 50% ของข้อสอบ ส่วน ACT นั้นจะมีคณิตศาสตร์ 1 พาร์ท และวิทยาศาตร์อีก 1 พาร์ท ดังนั้นสำหรับน้องๆ ที่มองว่าตัวเองไม่ถนัดวิชาคณิตฯ อาจจะเลือกสอบ ACT มากกว่า SAT แต่อย่างไรก็ตามพี่แนะนำว่าน้องๆ ควรลองฝึกทำข้อสอบของทั้งคู่ และดูว่าตัวเองเหมาะกับข้อสอบตัวไหนมากกว่ากัน

ACT vs SAT เลือกสอบอย่างไรให้ตรง

ACT vs SAT เลือกสอบอย่างไรให้ตรง

แม้ว่าข้อสอบ ACT และ SAT จะมีความคล้ายคลึงกัน ไม่ยากหรือง่ายไปกว่ากัน แต่สิ่งที่ควรจะพิจารณาในการเลือกสอบก็ขึ้นอยู่กับว่ามหาวิทยาลัยและคณะที่น้องๆ ต้องการสมัครเข้าเรียนนั้น มีเงื่อนไขรับคะแนนสอบ ACT หรือ SAT หากสามารถเลือกได้ว่าจะยื่นตัวไหนก็ได้ น้องๆ ควรจะลองทำข้อสอบทั้ง SAT และ ACT เพื่อตัดสินใจว่าคะแนนตัวไหนเหมาะกับเรามากกว่า เพื่อที่จะได้เตรียมตัวเลือกสอบให้ตรงกับจุดประสงค์การใช้งาน เพราะฉะนั้น น้องๆ อย่าลืมเตรียมความพร้อมให้ดี คอยติดตามข่าวสารการรับสมัครและคะแนนที่ต้องใช้อยู่สม่ำเสมอ จะได้ไม่พลาดโอกาสการเรียนต่อในคณะที่ใฝ่ฝันนั่นเอง

ข้อสอบ ACT vs SAT เป็นข้อสอบวัดทักษะการใช้เหตุผล ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในทุกมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา สำหรับเนื้อหาก็มีความคล้ายคลึงกันทั้งข้อสอบการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ น้องๆ หลายคนอาจมีคำถามว่า SAT กับ ACT อัน ไหนยากกว่า ต้องบอกว่าไม่มีข้อสอบไหนที่ยากหรือง่ายกว่า แต่ขึ้นอยู่กับความถนัดของน้องๆ เองมากกว่า เมื่อประเมินแล้วว่าเราถนัดในส่วนใดมากกว่ากันก้เลือกสมัครสอบแบบนั้นได้เลย 

Interpass Oct1 banner TCAS64 Requirement: หมอ, ทันตะฯ, สัตวแพทย์ จุฬาฯ รอบ 1 Portfolio

Date : Dec 8, 2022

You May Like