ข้อสอบ IELTS พาร์ท Reading จะเป็นการทำข้อสอบ 40 ข้อ จาก 3 บทความ ที่มีความยาวประมาณ 800 – 1000 คำ ภายในเวลา 60 นาที เพื่อทดสอบความรู้ด้านคำศัพท์ และไวยากรณ์ต่างๆ ซึ่งจะมีรูปแบบคำถามที่แตกต่างกันออกไป
การเตรียมตัวในการสอบให้ดีแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องมีเทคนิคในการทำข้อสอบ IELTS เพื่อช่วยให้ได้ผลคะแนนเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเทคนิคทำข้อสอบ IELTS Reading ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดีๆ ที่จะเสริมให้คุณทำข้อสอบได้อย่างรวดเร็ว และช่วยเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนสอบที่มากขึ้น
โครงสร้างและเกณฑ์การให้คะแนน IELTS Reading
ก่อนที่เราจะเข้าสู่เทคนิคการทำข้อสอบ เรามารู้จักกับโครงสร้างและเกณฑ์การให้คะแนน IELTS พาร์ท Reading แบบคร่าวๆ กันก่อน โดยการคิดคะแนนของข้อสอบ IELTS นั้นจะคำนวณคะแนนเฉลี่ยของทั้ง 4 ทักษะ ซึ่งจะประกอบไปด้วยทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เมื่อได้คะแนนรวมแล้ว จะทำการหารด้วย 4 หากคะแนนรวมมีเศษ โดยเศษจะถูกปัดตามช่วงคะแนนที่ใกล้เคียงกับคะแนนเต็ม (Whole Band) หรือครึ่งคะแนน (Half Band)
ในส่วนข้อสอบ IELTS พาร์ท Reading จะมีทั้งหมด 3 บทความ ซึ่งข้อสอบในแต่ละบทความนั้นจะมีประมาณ 13 – 14 ข้อ รวมทั้งหมด 40 ข้อ โดยจะมีเวลาให้ 60 นาที หากตอบถูกก็จะได้ข้อละ 1 คะแนน ดังนั้น คะแนนสูงสุดในพาร์ทนี้จะเท่ากับ 40 คะแนน แต่เนื่องจากข้อสอบในแต่ละชุดมีความยากง่ายที่ไม่เท่ากัน การให้คะแแนนในข้อสอบแต่ละชุดก็จะต่างกันตามไปด้วย ซึ่งทางหน่วยงานจะมีตารางการให้คะแนนในแต่ละข้อกำหนดไว้แล้ว สำหรับตารางการคิดคะแนนสามารถคิดได้อย่างคร่าวๆ ตามระบบการให้คะแนนการอ่านของ IELTS จะถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ และระดับจะถูกแบ่งตามคะแนนที่ทำได้ ดังนี้
- ระดับคะแนน 5 คะแนน = คำตอบที่ถูก 15 ข้อ
- ระดับคะแนน 6 คะแนน = คำตอบที่ถูก 20 ข้อ
- ระดับคะแนน 7 คะแนน = คำตอบที่ถูก 23 ข้อ
- ระดับคะแนน 8 คะแนน = คำตอบที่ถูก 35 ข้อ
7 เทคนิคทําข้อสอบ IELTS Reading พิชิตคะแนน
แน่นอนว่าการที่จะทำข้อสอบการอ่านให้ได้คะแนนดี นอกจากจะต้องฝึกอ่านอยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะสามารถอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว และจับประเด็นในบทความนั้นได้ดีขึ้นแล้ว ยังมีเทคนิคและรูปแบบในการอ่านอีกมากมายที่แต่ละคนสามารถเลือกใช้ เพื่อช่วยให้ได้คะแนนในพาร์ทการอ่านของการสอบ IELTS นั้นดีขึ้นได้
1.อ่านบทความเป็นประจำ
การอ่านบทความภาษาอังกฤษเป็นประจำ ถือเป็นการฝึกฝนการอ่านที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยให้เราอ่านได้อย่างคล่องแคล่วและอ่านได้เร็วขึ้น ส่วนใหญ่แล้วข้อสอบ Reading IELTS จะเป็นเนื้อหาที่มาจากบทความวิชาการ หรือเรื่องทั่วไป ซึ่งมีหัวข้อที่หลากหลาย โดยจะมีความยาวของบทความอยู่ที่ 800 – 1000 คำ ดังนั้น การอ่านบทความภาษาอังกฤษอยู่เป็นประจำถือเป็นเทคนิคทำข้อสอบ IELTS Reading ที่ช่วยเพิ่มความคุ้นเคยกับภาษาและเพิ่มทักษะการอ่านให้ดีขึ้นได้
2.เข้าใจรูปแบบของคำถาม
การเข้าใจรูปแบบของคำถามก่อน ถือเป็นเทคนิคที่ช่วยให้ทำข้อสอบ IELTS พาร์ท Reading ได้เร็วขึ้น ก่อนที่จะเริ่มอ่านบทความ ควรอ่านโจทย์ก่อนเป็นอันดับแรก ว่าโจทย์ต้องการถามอะไร เพื่อให้เข้าใจบทความนั้นอย่างคร่าวๆ ว่าเกี่ยวกับเรื่องใด เมื่อได้อ่านบทความก็จะช่วยให้เจอคำตอบนั้นเร็วขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดความผิดพลาดในการตอบได้อีกด้วย
3.อ่านเฉพาะส่วนที่สำคัญ
การทำข้อสอบให้เสร็จทันภายในระยะเวลาที่กำหนดถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อที่จะได้มีเวลาในการตรวจทานความผิดพลาดอีกรอบ ดังนั้น การอ่านเฉพาะส่วนสำคัญเป็นหนึ่งในเทคนิคทำข้อสอบ IELTS Reading ที่ช่วยให้ทำข้อสอบได้เร็วขึ้น เมื่อรู้แล้วว่าโจทย์ถามอะไร ก็พยายามโฟกัสเฉพาะส่วนที่สำคัญจากในแต่ละย่อหน้า แล้วดึงมาเพื่อตอบคำถาม จะได้ไม่เสียเวลาไปกับการอ่านทุกตัวอักษร
4.ลองทำข้อสอบการอ่านแบบจับเวลา
เวลาถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการทำข้อสอบ IELTS แม้ว่าการฝึกอ่านบทความภาษาอังกฤษ หรือการฝึกทำข้อสอบอยู่เสมอจะช่วยให้การอ่านของเราดีขึ้นได้ แต่ระหว่างที่ทำข้อสอบ หากไม่ได้ลองจับเวลา จะไม่รู้ว่าตัวเองใช้เวลาไปมากน้อยเพียงใด หรือว่าทำทันตามเวลาที่ข้อสอบกำหนดหรือไม่
การทำข้อสอบแบบจับเวลาจึงเป็นการท้าทายความสามารถของตัวเอง โดยทำทุกอย่างให้เหมือนกับการสอบจริง เพื่อดูว่าเรามีข้อบกพร่อง และทำข้อสอบช้าในส่วนใดบ้าง เมื่อได้ลองทำเช่นนี้ก็จะช่วยให้ทราบว่า ควรบริหารจัดการกับเวลาในการทำข้อสอบอย่างไร ควรเริ่มที่ข้อใดก่อน หรือควรข้ามในส่วนใด เพื่อที่จะช่วยให้สามารถทำได้ทันเวลา การลองทำข้อสอบแบบจับเวลาถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการทำข้อสอบ IELTS Reading เจ๋งๆ ที่ลองทำกันได้
5.ฝึกเดาคำศัพท์
เนื่องจากคำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีจำนวนมาก ทำให้บางครั้งในการทำข้อสอบ เราอาจพบเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย ดังนั้น การคาดเดาความหมายของคำศัพท์ (Context Clue) ถือเป็นเทคนิคที่ง่ายและไม่เสียเวลาในการทำข้อสอบ IELTS Reading เพราะเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้เราสามารถทำข้อสอบในส่วนของ Reading ได้ดีขึ้น โดยวิธีการเดาคำศัพท์เราสามารถสังเกตได้จากบริบทรอบๆ เช่น คำที่มีความหมายใกล้เคียง (Definition Clue), การกล่าวซ้ำ (Restatement Clue), การยกตัวอย่าง (Example Clue), คำที่มีความหมายตรงข้าม (Opposite Meaning) หรือ การเปรียบเทียบ (Comparison) เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ความหมายของศัพท์บางคำ แต่ก็สามารถช่วยให้สามารถคาดเดาได้อย่างคร่าวๆ ว่าคำศัพท์นั้นมีความหมายประมาณไหนและสื่อถึงอะไร
6.ฝึกทำข้อสอบเยอะๆ
แม้ว่าการอ่านหนังสือหรือบทความภาษาอังกฤษเป็นประจำจะช่วยพัฒนาทักษะการอ่านของเราให้ดีขึ้นได้ แต่การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ไม่เหมือนกับการทำข้อสอบ ที่จะต้องทำความเข้าใจว่าในย่อหน้านี้พูดถึงเรื่องอะไร ใจความสำคัญของเรื่องนั้นอยู่ตรงไหน เพราะข้อสอบนั้นสามารถหยิบส่วนใดของบทความมาถามได้ตลอด การฝึกทำข้อสอบอยู่เสมอ จะช่วยให้สามารถทำได้คล่อง และจับประเด็นได้เก่งขึ้น
7.ฝึกอ่านให้เร็ว
ในการทำข้อสอบ IELTS Reading เราจะต้องเจอคำศัพท์จำนวนมาก ที่มาจาก 3 บทความ โดยมีข้อสอบทั้งหมด 40 ข้อ ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จภายใน 60 นาที กล่าวคือ จะมีเวลาโดยเฉลี่ยในการทำบทความละ 20 นาที หรือข้อละ 90 วินาทีเท่านั้น ทั้งนี้ ไม่รวมเวลาในการตรวจทานความถูกผิด
ดังนั้น การฝึกอ่านให้เร็วถือเป็นเทคนิคที่ดีที่ควรนำไปใช้ในการสอบ IELTS Reading เพื่อช่วยให้ทำข้อสอบได้ทันเวลา ซึ่งเทคนิคการอ่านเร็วนั้นมี 2 แบบคือ การอ่านแบบ Skimming และการอ่านแบบ Scanning
- การอ่านแบบ Skimming เป็นการอ่านแบบเร็วๆ โดยเน้นเฉพาะส่วน เช่น 2 – 3 ประโยคแรกแล้วข้ามไปอ่านส่วนอื่น เพื่อเก็บรายละเอียดประเด็น หรือใจความสำคัญ
- การอ่านแบบ Scanning เป็นการมองหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง เช่น ตัวเลข วันที่ สถานที่ หรือชื่อคน เป็นต้น หากคำถามถามถึงข้อมูลในช่วงใด ก็กวาดตาแล้วอ่านเฉพาะข้อมูลในช่วงปีที่โจทย์ถามได้เลย
วิธีการอ่านเร็วทั้งสองแบบนี้ช่วยให้สามารถทำข้อสอบได้เร็วขึ้น และไม่ต้องเสียเวลาในการอ่านรายละเอียดทั้งบทความ ซึ่งเป็นเทคนิคทำข้อสอบ IELTS Readingที่ช่วยเพิ่มคะแนนและช่วยประหยัดเวลาได้
14 รูปแบบคำถามที่พบใน Reading IELTS
การเข้าใจรูปแบบคำถามที่ต้องเจอในพาร์ทการอ่าน ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมความพร้อม ก่อนจะทำข้อสอบจริง รวมถึง เป็นเทคนิคทำข้อสอบ IELTS Reading ที่ดีที่จะช่วยให้ผู้สอบจับแนวทางในการอ่านได้ง่ายขึ้น และทำความเข้าใจได้ว่า คำถามแต่ละรูปแบบมีจุดประสงค์อะไร และควรตอบคำถามอย่างไร ซึ่งรูปแบบคำถามที่มักจะพบได้ในข้อสอบ IELTS Reading มีทั้งหมด 14 แบบ ดังนี้
1. Matching Headings Questions การจับคู่หัวข้อบทความกับข้อมูลหรือย่อหน้าที่ให้มา ผู้เข้าสอบจะต้องเลือกหัวข้อบทความให้ตรงกับบทความที่โจทย์ให้ โดยจะต้องอ่านหัวข้อบทความก่อน แล้วดูว่าประเด็นหลักในบทความนั้นเกี่ยวกับอะไร แล้วค่อยจับคู่ให้ตรงกัน
2. True False Not Given / Yes No Not Given Questions รูปแบบคำถาม True / False / Not Given เป็นรูปแบบคำถามที่ต้องตอบว่าสิ่งที่โจทย์ถามนั้นถูกหรือผิด แต่บางครั้งสิ่งที่ถามก็ไม่มีข้อมูล จึงต้องตอบ Not Given จึงจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
3. Matching Paragraph Information Questions การจับคู่ข้อมูลกับย่อหน้าที่ให้มา โดยข้อสอบจะให้เนื้อหาในแต่ละย่อหน้ากับข้อมูลที่กำหนด แล้วจับคู่กันให้ถูกต้อง
4. Summary Completion Question การเติมคำที่โจทย์กำหนดมาให้ลงในช่องว่าง
5. Sentence Completion Questions การเติมคำในช่องว่าง เพื่อทำให้ประโยคนั้นเกิดความสมบูรณ์มากขึ้น โดยเลือกคำจากในบทความ
6. Multiple Choice Questions การเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว โดยข้อสอบจะมีตัวเลือกให้เป็น A B C และ D
7. List Selection การเลือกตัวเลือกที่ถูกต้องจากรายการที่โจทย์กำหนดมาให้ เช่น ชื่อองค์กร หรือชื่อคน
8. Choosing a Title การเลือกชื่อเรื่องให้มีความเหมาะสมกับบทความมากที่สุด
9. Categorisation Questions การจัดหมวดหมู่ของข้อมูลตามประเภทให้มีความเหมาะสม
10. Matching Sentence Endings ข้อสอบจะให้จับคู่ส่วนต้น และส่วนท้ายของประโยค ให้มีเนื้อหาสอดคล้องกัน ในส่วนสรุป หรือส่วนท้ายของประโยคจะต้องตรงตามเนื้อเรื่องที่ข้อสอบให้มา
11. Table Completion ข้อสอบจะให้บทความ หรือข้อมูลมา โดยเราจะต้องเติมคำตอบลงในตารางให้ครบถ้วนและสมบูรณ์
12. Flow Chart Completion Questions สำหรับข้อสอบรูปแบบนี้จะเป็นการวัดความเข้าใจแบบลำดับขั้น กระบวนการ หรือขั้นตอนต่างๆ โดยจะต้องอ้างอิงข้อมูลจากเนื้อเรื่องและเติมขั้นตอนต่างๆ ลงในแผนผัง
13. Diagram Completion Questions ในส่วนนี้ข้อสอบจะให้แผนภาพมา แล้วชี้ในส่วนต่างๆ ของแผนภาพ เราจะต้องนำคำตอบจากบทความมาใส่ในแผนภาพให้ถูกต้อง และควรระวังไม่ให้คำตอบยาวเกินที่กำหนดด้วย
14. Short Answer Questions คำถามมักจะเป็น WH Question แล้วเราจะต้องตอบเป็นคำ หรือกลุ่มคำตอบในรูปแบบสั้น
ข้อสอบ IELTS Reading เป็นอีกหนึ่งพาร์ทที่มีท้าทายความสามารถ เพราะจะต้องอ่านบทความยาวๆ เพื่อนำมาตอบคำถามภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ทันเวลา จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม นอกจากนี้ เทคนิคทําข้อสอบ Reading อย่างเช่น การเข้าใจรูปแบบของคำถาม อ่านเฉพาะส่วนที่สำคัญ และการฝึกทำข้อสอบการอ่านมากๆ มีส่วนช่วยให้คะแนนในส่วนนี้ดีขึ้นได้