BLOG

    Home Blog หมอรอบ 1 อยากเรียนหมอต้องรู้! สอบหมอใช้คะแนนอะไรบ้าง

อยากเรียนหมอต้องรู้! สอบหมอใช้คะแนนอะไรบ้าง

อยากเรียนหมอต้องรู้! สอบหมอใช้คะแนนอะไรบ้าง

อาชีพแพทย์เป็นอีกสายอาชีพที่ได้รับความความนิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก จึงทำให้คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ ทั้งหลักสูตรปกติ และหลักสูตรนานาชาติ หรือ แพทย์อินเตอร์ เป็นที่สนใจ และเป็นความฝันของเด็กหลายๆ คน 

ดังนั้น การแข่งขันในการสอบเข้าคณะต่างๆ ในสายอาชีพแพทย์นั้นสูงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้น้องๆ ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการสอบวิชาความถนัดแพทย์ (กสพท.), 7 วิชาสามัญ หรือ GAT-PAT รวมถึง การสอบ IELTS หรือ BMAT โดยในบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรอบการสมัครสอบแพทย์ และไขข้อข้องใจว่าสอบหมอใช้คะแนนอะไรบ้าง เพื่อให้น้องๆ ได้เตรียมตัวให้พร้อม และเข้าเรียนในคณะที่ใฝ่ฝันได้สำเร็จ

รอบการสมัครสอบแพทย์

รอบการสมัครสอบแพทย์

สิ่งแรกที่น้องๆ ทุกคนควรรู้ก่อนจะไปดูว่าสอบหมอใช้คะแนนอะไรบ้าง คือ รอบการสมัครสอบแพทย์ โดยระบบการคัดเลือกการเข้ามหาวิทยาลัยในปัจจุบันนั้นใช้ระบบที่เรียกว่า TCAS ซึ่งการสอบเข้าแพทย์ก็ใช้ระบบนี้เช่นกัน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 รอบ ดังนี้

• รอบ 1 Portfolio

สำหรับแพทย์รอบพอร์ตเป็นรอบที่ต้องใช้ Portfolio ที่สะท้อนถึงตัวตนของน้องๆ และรวบรวมผลงานต่างๆ ตามที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ กำหนด เช่น ความสามารถทางวิชาการหรือโครงงานวิจัย จิตอาสา ประกาศนียบัตรหรือรางวัลด้านต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดเกณฑ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียน (GPA หรือ GPAX) ขั้นต่ำ, ผลคะแนนทางภาษา เช่น IELTS หรือ TOEFL และคะแนนอื่นๆ เช่น BMAT ซึ่งการสมัครสอบแพทย์ในรอบ 1 นี้จะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรม หรือมีผลงานทางวิชาการที่โดดเด่น

• รอบ 2 โควตา

รอบการสมัครสอบแพทย์รอบที่ 2 คือ รอบโควตา เป็นรอบที่แต่ละมหาวิทยาลัยจะกำหนดเกณฑ์ในการยื่นคะแนนแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่ในรอบนี้จะเป็นโครงการแพทย์ชนบท หรือโอลิมปิกวิชาการ และใช้ผลการเรียนสะสม (GPAX) ร่วมกับคะแนนสอบส่วนกลาง ได้แก่ วิชาความถนัดแพทย์ และ 7 วิชาสามัญ หรือ วิชาความถนัดแพทย์ และ GAT, PAT 1 และ PAT 2 แต่ในบางมหาวิทยาลัยอาจจะใช้ผลคะแนนทางภาษาด้วย เช่น  IELTS และ TOEFL ซึ่งการสมัครสอบแพทย์ในรอบนี้เหมาะกับผู้ที่มีความสามารถพิเศษ มีผลงานทางวิชาการ หรือได้รับสิทธิพิเศษจากโควตาต่างๆ ของมหาวิทยาลัย

• รอบ 3 Admission

การสมัครสอบแพทย์รอบที่ 3 เป็นการสมัครด้วยระบบ Admission และเป็นรอบที่เปิดรับสมัครมากที่สุด สามารถแบ่งเป็นรอบ Admission 1 ที่มหาวิทยาลัยจะเป็นผู้กำหนดเกณฑ์คะแนนเอง ทำให้แต่ละมหาวิทยาลัยจะใช้เกณฑ์องค์ประกอบ และเกณฑ์คะแนนแตกต่างกัน และในรอบ Admission 2 เป็นรอบที่ ทปอ. กำหนดเกณฑ์คะแนน โดยคณะเดียวกันจะใช้เกณฑ์คะแนนแบบเดียวกัน ซึ่งการสอบเข้าแพทย์ในรอบนี้จะใช้คะแนนสอบส่วนกลาง ได้แก่ คะแนนวิชาความถนัดแพทย์ 30% และคะแนน 7 วิชาสามัญ 70% โดยแต่ละวิชาจะต้องไม่ต่ำกว่า 30% ของคะแนนเต็มวิชานั้นๆ ซึ่งการสมัครสอบในรอบนี้เหมาะกับผู้ที่ถนัดในการอ่านหนังสือสอบมากกว่าการทำกิจกรรม หรือต้องการเวลาในการเตรียมตัวสอบนาน เพราะในรอบนี้ต้องใช้คะแนนสอบเป็นหลัก

• รอบ 4 รับตรง

รอบการสมัครสอบแพทย์รอบสุดท้าย คือ รับตรง เป็นรอบที่มหาวิทยาลัยเป็นผู้กำหนดเกณฑ์อย่างอิสระ ดังนั้น เกณฑ์ในการคัดเลือกของแต่ละมหาวิทยาลัยจะแตกต่างกันออกไป และรอบรับตรง ถือว่าเป็นรอบสุดท้าย เปรียบเสมือนเป็นรอบเก็บตก ทำให้จำนวนคณะ และมหาวิทยาลัยที่เปิดรับนั้นมีน้อย รวมถึง จำนวนมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมในการสอบแพทย์มีน้อยด้วยเช่นกัน โดยคะแนนที่ใช้ในการสอบแพทย์ในรอบนี้ ได้แก่ วิชาความถนัดแพทย์ กับ 7 วิชาสามัญ หรือวิชาความถนัดแพทย์ กับ GAT, PAT 1 และ PAT 2 หรืออาจจะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละมหาวิทยาลัย

อยากสอบเข้าหมอ ต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง

อยากสอบเข้าหมอ ต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง

เมื่อรู้ถึงรอบการรับสมัครสอบแพทย์ไปแล้ว อีกสิ่งที่น้องๆ ทุกคนควรทราบก่อนสอบเข้าหมอ คือ สอบหมอใช้คะแนนอะไรบ้าง เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ และสามารถสอบให้คะแนนถึงเกณฑ์ตามที่มหาวิทยาลัย และทปอ. กำหนดไว้ ถ้าอยากรู้ว่าสอบหมอใช้คะแนนอะไรบ้าง และแต่ละวิชาจะต้องใช้สัดส่วนคะแนนมากน้อยแค่ไหน ไปดูกันเลย!

ความถนัดแพทย์

เริ่มต้นกับวิชาความถนัดแพทย์ หรือวิชาเฉพาะแพทย์ เป็นวิชาที่ทุกคนที่อยากเรียนหมอต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยการสอบเข้าหมอนั้นจะต้องใช้สัดส่วนคะแนนของวิชานี้มากถึง 30% โดยข้อสอบวิชาความถนัดแพทย์นั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

  • ด้านเชาว์ปัญญา ในข้อสอบด้านเชาว์ปัญญานั้นจะถูกแบ่งออกเป็นอีก 2 ส่วน ได้แก่  ด้านเชาว์ปัญญาทางคณิตศาสตร์ กับเชาว์ปัญญาภาษาไทย มีข้อสอบทั้งหมด 45 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน และมีเวลาในการทำข้อสอบด้านเชาว์ปัญญา 75 นาที ซึ่งข้อสอบในส่วนนี้มักจะออกโจทย์คณิตศาสตร์ เน้นไปที่เรื่องมิติสัมพันธ์ และคณิตศาสตร์พื้นฐาน รวมถึง การวิเคราะห์บทความ เจตนาของผู้แต่ง และการอ่านจับใจความในวิชาภาษาไทย น้องๆ ทุกคนสามารถเตรียมตัวสอบวิชาความถนัดแพทย์ในด้านเชาว์ปัญญาได้ด้วยการฝึกทำข้อสอบปีเก่าๆ หรือแบบฝึกหัด เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับข้อสอบก่อนทำการสอบจริง
  • ด้านจริยธรรมทางการแพทย์ ข้อสอบด้านจริยธรรมทางการแพทย์ ถือว่าเป็นส่วนที่ยากที่สุดในวิชาความถนัดแพทย์ เพราะว่าเนื้อหาในข้อสอบมักจะออกโจทย์ เพื่อวัดความเข้าใจจริยธรรมของแพทย์ทั่วไป และออกสอบโดยการอิงสถานการณ์ต่างๆ ในสังคม หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงทำให้เก็งข้อสอบในส่วนนี้ได้ยาก โดยมีข้อสอบทั้งหมด 80 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน และมีเวลาในการทำข้อสอบด้านจริยธรรมทางการแพทย์ 75 นาที ถ้าหากน้องๆ อยากทำคะแนนในส่วนนี้ได้เยอะๆ สามารถติดตามข่าวสารบ้านเมือง หรือเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เพื่อเป็นการเก็งข้อสอบได้เช่นกัน
  • ด้านทักษะการเชื่อมโยง ในข้อสอบด้านทักษะการเชื่อมโยง เป็นส่วนที่ง่ายที่สุดในวิชาความถนัดแพทย์ โดยข้อสอบในด้านนี้เป็นการทดสอบทักษะในการอ่านบทความ และการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของข้อความตามที่โจทย์กำหนด มีข้อสอบทั้งหมด 20 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน และมีเวลาในการทำข้อสอบด้านทักษะการเชื่อมโยง 75 นาที

BMAT

BMAT หรือ BioMedical Admissions Test เป็นวิชาที่ใช้ในการสอบเข้าคณะแพทย์ ในระบบ TCAS รอบที่ 1 และมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมในการสอบแพทย์ส่วนใหญ่มักจะกำหนดให้ยื่นคะแนน BMAT เพื่อเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือก ซึ่งน้ำหนักของคะแนน BMAT นั้นจะมากกว่าเกรดเฉลี่ยรวม (GPAX) หรือผลคะแนนภาษาอังกฤษอื่นๆ โดยข้อสอบวิชา BMAT สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน ได้แก่ 

  • Aptitude & Skills เป็นข้อสอบที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยแบ่งเป็นข้อสอบแนว Problem Solving จำนวน 16 ข้อ และเป็นข้อสอบแนว Critical Thinking หรือที่เรียกว่า Critical Analysis จำนวน 16 ข้อ รวมทั้งหมด 32 ข้อ โดยมีคะแนนเต็ม 9 คะแนน และมีเวลาในการทำข้อสอบในส่วนนี้ทั้งหมด 60 นาที
  • Scientific Knowledge and Applications เป็นข้อสอบที่มีเนื้อหาในการออกสอบครอบคลุมทั้งวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา โดยมีทั้งหมด 27 ข้อ คะแนนเต็ม 9 คะแนน และมีเวลาในการทำข้อสอบในส่วนนี้ทั้งหมด 30 นาที
  • Writing Task เป็นข้อสอบที่วัดความสามารถในการจัดการความคิด และการสื่อสารด้วยการเขียน โดยข้อสอบมีทั้งหมด 3 ข้อ แต่ให้ผู้สอบเลือกตอบคำถามจาก 1 ใน 3 ข้อของข้อสอบที่ให้มา มีคะแนนเต็ม 5 คะแนน และมีเวลาในการทำข้อสอบในส่วนนี้ทั้งหมด 30 นาที
คะแนนภาษาอังกฤษที่หมอต้องใช้

ภาษาอังกฤษ

น้องๆ หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าสอบหมอใช้คะแนนภาษาอังกฤษอะไรบ้าง เพราะว่าเป็นวิชาที่สามารถใช้สัดส่วนคะแนนได้หลากหลายรูปแบบมากที่สุด โดยวิชาภาษาอังกฤษที่ต้องใช้คะแนนสำหรับยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS มีดังนี้ 

  • วิชาภาษาอังกฤษแบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized Test) หรือข้อสอบวัดผลภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งแบบทดสอบมาตรฐานภาษาอังกฤษที่สามารถใช้ในการยื่นสมัครสอบแพทย์ได้ เช่น IELTS (International English Language Testing System) เป็นข้อสอบที่นิยมใช้คะแนนในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัย, TOEFL (Test Of English as a Foreign Language) เป็นข้อสอบสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ หรือ TOEIC (Test Of English for International Communication) เป็นข้อสอบที่นิยมใช้คะแนนในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัย และใช้ในการสมัครงาน เป็นต้น แต่ก่อนยื่นสมัครสอบแพทย์ด้วยคะแนนวิชาภาษาอังกฤษเหล่านี้ ควรทำการตรวจสอบเกณฑ์ของแต่ละมหาวิทยาลัยก่อนทำการสมัคร เพื่อป้องกันการผิดพลาด และไม่ให้เสียโอกาสของตัวเอง
  • วิชาภาษาอังกฤษ (7 วิชาสามัญ) เป็นข้อสอบที่คล้ายกับข้อสอบ Speed Test โดยมีทั้งหมด 4 ส่วน ได้แก่ Paragraph Organization 5 ข้อ, Cloze Test Grammar 15 ข้อ, Reading 40 ข้อ และ Conversation 20 ข้อ รวมทั้งหมด 80 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน และมีเวลาให้ทำข้อสอบทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที
  • GAT ภาษาอังกฤษ เป็นการทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป และอีกส่วนจากข้อสอบ GAT โดยส่วนของภาษาอังกฤษนั้นจะมีทั้งหมด 6 ส่วน ได้แก่ Paragraph Organization 5 ข้อ, Cloze Test Grammar 5 ข้อ, Error Identification 5 ข้อ, Reading 15 ข้อ, Vocabulary 15 ข้อ และ Conversation 15 ข้อ รวมทั้งหมด 60 ข้อ คะแนนเต็ม 150 คะแนน และมีเวลาให้ทำข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที

ภาษาไทย

วิชาภาษาไทยเป็นวิชาที่น้องๆ หลายๆ คนสามารถเก็บคะแนนได้ดี เพราะเป็นวิชาที่ในแต่ละปีมีรูปแบบข้อสอบใกล้เคียงกัน จึงสามารถฝึกทำข้อสอบเก่าๆ เพื่อเป็นการฝึกความคุ้นเคยได้ โดยวิชาภาษาไทยที่ต้องใช้คะแนนสำหรับยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS มีดังนี้

  • วิชาภาษาไทย (7 วิชาสามัญ) เป็นข้อสอบที่มักจะออกเรื่องการอ่านจับใจความมากที่สุด โดยส่วนใหญ่จะถามเกี่ยวกับสาระสำคัญ แนวคิด จุดประสงค์ และเจตนาของผู้เขียน รวมถึง หลักการใช้ภาษา การพูด การฟัง และการเขียน โดยมีทั้งหมด 50 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน และมีเวลาให้ทำข้อสอบทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที
  • GAT ภาษาไทย เป็นการทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป และเป็นอีกส่วนของข้อสอบ GAT  ซึ่งน้องๆ อาจจะรู้จักข้อสอบนี้ในชื่อ GAT เชื่อมโยง โดยข้อสอบจะวัดความสามารถในการอ่าน การเขียน การคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา มีจำนวนข้อสอบเพียงแค่ 20 ข้อ คะแนนเต็ม 150 คะแนน และมีเวลาให้ทำข้อสอบทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที

 สังคมศึกษา 

วิชาสังคมศึกษา เป็นวิชาที่มีเนื้อหาค่อนข้างเยอะ ทำให้น้องๆ หลายๆ คนอ่านไม่ทัน หรือไม่สามารถจดจำเนื้อหาได้อย่างครบถ้วน ซึ่งทุกคนสามารถจัดแบ่งเนื้อหาแต่ละบท และค่อยๆ ทยอยอ่าน ก็จะช่วยให้จดจำได้แม่นยำมากขึ้น โดยวิชาสังคมศึกษาที่ต้องใช้คะแนนสำหรับยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS มีดังนี้

  • วิชาสังคม (7 วิชาสามัญ) เป็นข้อสอบที่ออกครอบคลุมทุกเนื้อหาของวิชาสังคมศึกษา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาและจริยธรรม หน้าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ โดยน้องๆ อาจจะเน้นอ่านที่เรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะเป็นส่วนที่ออกสอบใกล้เคียงกันทุกปี ซึ่งมีจำนวนข้อสอบทั้งสิ้น 50 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน และมีเวลาให้ทำข้อสอบทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที
สอบหมอต้องใช้คะแนนคณิตศาสตร์ตัวไหน

คณิตศาสตร์

วิชาคณิตศาสตร์ ถือว่าเป็นวิชาปราบเซียนของหลายๆ คนเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องปูพื้นฐานทฤษฎีให้แน่นเสียก่อน หลังจากนั้นค่อยฝึกทำโจทย์ เพื่อให้คุ้นเคย และคล่องมือมากขึ้น โดยวิชาคณิตศาสตร์ที่ต้องใช้คะแนนสำหรับยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS มีดังนี้

  • วิชาคณิตศาสตร์ 1 (7 วิชาสามัญ) เป็นข้อสอบสำหรับสายวิทย์ และศิลป์-คำนวณ ที่มีโจทย์หลากหลาย ซึ่งโจทย์ส่วนใหญ่จะออกเกี่ยวกับความรู้พื้นฐาน ความน่าจะเป็น และสถิติ  ระบบจำนวนจริง  แคลคูลัส  เรขาคณิต และพีชคณิต เป็นต้น โดยมีทั้งหมด 30 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน และมีเวลาให้ทำข้อสอบทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที
  • PAT 1 ถือว่าเป็นข้อสอบปราบเซียนสำหรับน้องๆ ที่กำลังเตรียมสอบเข้าหมอมากที่สุด เพราะว่าเป็นข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ที่ยากกว่าข้อสอบอื่นๆ เป็นอย่างมาก ถึงแม้ข้อสอบจะมีทั้งหมด 45 ข้อ และมีเวลาให้ทำ 3 ชั่วโมง แต่เนื้อหาที่ออกสอบในข้อสอบ PAT 1 มีมากถึง 17 เรื่อง ดังนั้น ถ้าหากน้องๆ อยากได้คะแนนดีๆ ควรปูพื้นฐานทฤษฎีให้แน่น และฝึกฝนทำข้อสอบบ่อยๆ ให้คุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบมากขึ้น  โดยมีคะแนนเต็ม 300 คะแนน
คะแนนของกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ที่สอบหมอต้องใช้

วิทยาศาสตร์

กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ เป็นกลุ่มวิชาที่ทำให้น้องๆ หลายคนเกิดความสับสนว่าสอบหมอใช้คะแนนวิทยาศาสตร์อะไรบ้าง เพราะว่าเป็นวิชาที่สามารถแบ่งออกได้อีกสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ 7 วิชาสามัญ หรือ  PAT2 โดยแต่ละวิชาที่ต้องใช้คะแนนสำหรับยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS มีรายละเอียด ดังนี้ 

  • วิชาวิทยาศาสตร์ (7 วิชาสามัญ) แบ่งออกเป็น 3 วิชา ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา โดยแต่ละวิชามีคะแนนเต็ม 100 คะแนน ซึ่งเป็น 3 วิชาที่น้องๆ ที่ต้องการสอบหมอจะต้องสอบทุกคนอย่างแน่นอน 
  1. วิชาฟิสิกส์ มักจะออกโจทย์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่แนวตรง งาน และพลังงาน, ความร้อน และทฤษฎีจลน์ของแก๊ส, ของไหล, ไฟฟ้า, คลื่น และเสียง โดยมีทั้งหมด 30 ข้อ และมีเวลาให้ทำทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที
  2. วิชาเคมี มักจะออกโจทย์เกี่ยวกับปริมาณสารสัมพันธ์, อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี, กรดเบส, สมดุลเคมี, เคมีไฟฟ้า, พันธะเคมี และเคมีอินทรีย์ โดยมีทั้งหมด 45 ข้อ และมีเวลาให้ทำทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที
  3. วิชาชีววิทยา มักจะออกโจทย์เกี่ยวกับระบบนิเวศ, พันธุศาสตร์, วิวัฒนาการ, เซลล์ของสิ่งมีชีวิต, อนุกรมวิธาน, ระบบเลือด และระบบประสาท โดยมีทั้งหมด 50 ข้อ และมีเวลาให้ทำทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที
  • PAT 2 เป็นอีกข้อสอบปราบเซียนสำหรับน้องๆ ที่เตรียมสอบหมอ โดยข้อสอบ PAT 2 แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี ชีวิทยา และ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ซึ่งในข้อสอบ PAT 2 นั้นจะมีทั้งเน้นทฤษฎี พื้นฐานต้องแน่น เน้นการทดลอง เน้นการตีความ และเน้นการประยุกต์ที่ใช้ได้จริง มีข้อสอบทั้งหมด 60 ข้อ และมีเวลาให้ทำทั้งหมด 3 ชั่วโมง

หลังจากน้องๆ ว่าที่คุณหมอทุกคนได้คำตอบกันไปแล้วว่า สอบหมอใช้คะแนนอะไรบ้าง ก็สามารถเริ่มต้นเตรียมตัวเองให้พร้อมได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ และการฝึกฝนทำข้อสอบเก่าบ่อยๆ รวมถึง การจัดสรรเวลา และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับสมอง และร่างกายในการพิชิตคณะที่ใฝ่ฝันให้สำเร็จ

คุณสมบัติครบตามนี้ ขอทุนเรียน ISE-CU ได้ทันที จาก Interpass รวม 10 ทุนเรียนหมอต่างประเทศ

Date : Feb 15, 2022

You May Like