BLOG

    Home Blog SAT อัพคะแนน SAT Reading ด้วยเทคนิคการทำข้อสอบสุดเจ๋ง

อัพคะแนน SAT Reading ด้วยเทคนิคการทำข้อสอบสุดเจ๋ง

อัพคะแนน SAT Reading ด้วยเทคนิคการทำข้อสอบสุดเจ๋ง

SAT เป็นข้อสอบที่ใช้ทดสอบความรู้ในการให้เหตุผลในวิชาคณิตศาสตร์ (Math) และวิชาภาษาอังกฤษ (Verbal) ใช้สำหรับการยื่นประกอบเพื่อเข้าศึกษาต่อระดับปริญาตรี โดยเฉพาะภาคอินเตอร์ในประเทศไทย ซึ่งข้อสอบพาร์ทคณิตศาสตร์มีทั้งหมด 2 พาร์ท คือ พาร์ทที่ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลข และพาร์ทที่สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ ส่วนภาษาอังกฤษมีพาร์ท Critical Reading และพาร์ท Writing & Language

ในส่วนของพาร์ท Critical Reading ข้อสอบ SAT นั้นไม่เหมือนข้อสอบ Reading ของข้อสอบอื่นๆ แต่จำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์บทความ เพื่อนำมาตอบคำถามด้วยโดยมีข้อสอบจำนวน 52 ข้อ ในเวลา 65 นาที หรือมีเวลาอ่านบทความและเวลาในการทำข้อสอบเฉลี่ยข้อละ 1.15 นาที ดังนั้น ผู้เข้าสอบจำเป็นที่จะต้องมีความรู้และความเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับที่ดี เพื่อให้สามารถเข้าใจและทำข้อสอบได้ทันเวลา นอกจากนี้ การทำข้อสอบ SAT Reading เทคนิคที่ดีถือว่ามีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้จับทิศทางในการทำข้อสอบได้ดีขึ้น

สำรวจภาพรวมของข้อสอบ SAT พาร์ท Reading

สำรวจภาพรวมของข้อสอบ SAT พาร์ท Reading

SAT Eng หรือ SAT Verbal เป็นข้อสอบวัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษ มีคะแนนเต็ม 800 คะแนน แบ่งเป็นพาร์ท Writing and Language 400 คะแนน ซึ่งจะเป็นการสอบที่วัดความรู้แกรมม่า หรือลักษณะข้อสอบที่เป็น Error  และพาร์ท Reading 400 คะแนน สำหรับในส่วนข้อสอบ Reading จะทดสอบทักษะด้านการอ่าน โดยข้อสอบเป็น Multiple Choice ทั้งหมด และมีบทความให้ทั้งหมด 5 บทความ ซึ่งเป็นบทความวิทยาศาสตร์ นิยาย ประวัติศาสตร์ และสังคมศาสตร์ โดยบทความนึงจะมีข้อสอบประมาณ 10-11 ข้อ รวมแล้วเป็นจำนวนทั้งหมด 52 ข้อ มีเวลาในการทำข้อสอบทั้งหมด 65 นาที 

สำหรับในพาร์ทนี้ นอกจากทดสอบทักษะด้านการอ่านแล้ว ยังต้องหาหลักฐานเพื่อใช้สนับสนุนคำตอบด้วย ซึ่งถือว่ามีความยากพอสมควร สำหรับการคิดคะแนน SAT พาร์ท Reading จะคล้ายกับการคิดคะแนนแบบอิงกลุ่ม คือ คะแนนของข้อสอบแต่ละข้อจะขึ้นอยู่กับความยากง่าย และคะแนนของผู้สอบคนอื่นในรอบเดียวกัน ถ้าข้อสอบข้อนั้นๆ มีคนตอบถูกเป็นจำนวนน้อย ก็จะถือว่าเป็นข้อสอบที่ยากและให้คะแนนที่สูงกว่า

รูปแบบของคำถามที่มักเจอในข้อสอบ SAT พาร์ท Reading

รูปแบบของคำถามที่มักเจอในข้อสอบ SAT พาร์ท Reading

การรู้จักรูปแบบของคำถามเป็นหนึ่งในเทคนิคการทำข้อสอบ SAT Reading ที่ช่วยให้ทำข้อสอบได้ไวเร็วขึ้น และรับมือกับข้อสอบได้ง่ายขึ้น รู้ว่าคำถามรูปแบบนี้ต้องตอบอย่างไร ที่สำคัญยังสามารถช่วยลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจในการทำข้อสอบมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งประเภทของคำถามในข้อสอบ SAT Reading ที่มักเจอมีดังนี้

คำถามเกี่ยวกับข้อมูล และแนวคิด (Information and Ideas)

คำถามประเภท Infomation and Ideas เป็นรูปแบบคำถามที่มักจะถามข้อมูลที่ผู้เขียนต้องการสื่อสาร ผู้สอบจึงต้องหาข้อมูลในบทความส่วนที่โจทย์ต้องการ พร้อมทั้งข้อมูลส่วนที่เป็นเหตุและผลมาสนับสนุนคำตอบของตนเอง ดังนั้น ผู้สอบจะต้องรู้จุดประสงค์ของบทความว่าต้องการสื่ออะไร เพื่อสรุปแนวคิด ข้อมูลสำคัญ ให้เกิดความเข้าใจ และนำมาตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง

วิเคราะห์ความหมายของผู้เขียน (Rhetoric)

สำหรับคำถามแบบ Rhetoric เป็นคำถามที่ต้องการรู้แนวคิด หรือจุดประสงค์ของผู้เขียน รวมทั้งโทนในการเขียน แนวทางในการเขียน และโครงสร้างของบทความ ส่วนใหญ่แล้วข้อสอบ SAT ประเภทนี้มักจะถามถึงแนวคิดของผู้เขียน มุมมองและความเห็นต่อเรื่องนั้นๆ ซึ่งเมื่อเจอคำถามประเภทนี้ผู้สอบจะต้องมองหาส่วนที่บ่งบอกถึงมุมมองของผู้เขียน ที่แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้

อ่านแบบเชื่อมโยง (Synthesis)

คำถามแนวนี้สามารถเจอได้ในบางบทความเท่านั้น ซึ่งมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ

  1. หาความเชื่อมโยงของสองบทความ หรือเรียกว่าข้อสอบแบบ Paired Passages ซึ่งข้อสอบจะให้หาความเชื่อมโยงของสองบทความ ว่ามีความเหมือนหรือความแตกต่างอย่างไร บางครั้งอาจจะเจอคำถามที่ยากขึ้น เช่น ผู้เขียนบทความแรกจะมีความเห็นอย่างไรเมื่ออ่านบทความที่สอง ดังนั้น ผู้สอบจำเป็นต้องรู้แนวคิดของผู้เขียนบทความแรกก่อนว่าเป็นอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์ และตอบคำถาม 
  2. วิเคราะข้อมูลจากแผนภูมิ ซึ่งคำถามประเภทนี้จะมีตัวเลือกให้ตอบว่าข้อใดสรุปข้อมูลในแผนภูมิ ได้อย่างครบถ้วน และถูกต้องที่สุด
ทำข้อสอบ SAT Reading เทคนิคช่วยเพิ่มคะแนนให้สูง

ทำข้อสอบ SAT Reading เทคนิคช่วยเพิ่มคะแนนให้สูง

ข้อสอบ SAT เป็นแบบทดสอบความสามารถในการใช้เหตุและผล รวมถึงทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ประกอบในการยื่นเข้าศึกษาในระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา สำหรับมหาวิทยาลัยภาคอินเตอร์หลายๆ แห่งในประเทศไทยก็นำมาใช้ประกอบเข้าศึกษาต่อเช่นกัน แต่ด้วยหลักสูตรของไทยและสหรัฐอเมริกามีความแตกต่างกัน น้องๆ หลายคนจำเป็นที่จะต้องเรียนเพิ่มเติม และจำเป็นที่จะต้องใช้เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ เพื่อเป็นแนวทางที่ช่วยให้การทำข้อสอบ SAT Reading เทคนิคที่ช่วยให้ได้คะแนนดีขึ้นนั้นช่วยให้เรารู้ว่าควรโฟกัสที่อะไร

ฝึกทำข้อสอบ จับเวลาเหมือนสอบจริง

เทคนิคทำข้อสอบ SAT Reading นี้ใช้ได้ผลเสมอ ที่สำคัญจะต้องทดลองทำเหมือนการสอบจริง นอกจากจะได้ฝึกทำข้อสอบที่มากขึ้นแล้ว ยังได้ฝึกการบริหารเวลาในการทำข้อสอบอีกด้วย เพื่อให้สามารถทำได้ทันเวลาที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังสามารถประเมินตัวเองได้อย่างคร่าวๆ เพื่อดูพื้นฐานและเวลาในการทำข้อสอบโดยรวม ว่ามีข้อบกพร่องใดที่ควรแก้ไขบ้าง โดยประเมินตอนก่อนเตรียมตัวและหลังเตรียมตัวอีกรอบ จะช่วยให้เห็นพัฒนาการอย่างชัดเจนมากขึ้น

ฝึกจำศัพท์ SAT จากแอปพลิเคชัน

คำศัพท์ถือเป็นส่วนที่มีความสำคัญในข้อสอบพาร์ท Reading ถึงแม้ว่าอาจจะใช้เทคนิคในการเดาคำศัพท์ได้ แต่ก็ควรที่จะรู้คำศัพท์ไว้ให้มากๆ เพื่อให้ได้คะแนนที่ดี ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีในการจำศัพท์มากมาย โดยเฉพาะแอปพลิเคชัน ที่ช่วยให้การฝึกจำศัพท์ไม่น่าเบื่อ โดยแอปพลิเคชันที่ช่วยจำศัพท์ SAT นั้นมีทั้งในระบบปฏิบัติการ IOS และ Android เช่น New SAT Vocabulary, SAT Words Game, SAT Flashcards: Prep & Vocab หรือแอปพลิเคชัน Khan Academy ซึ่งเป็นองค์กรที่พัฒนาด้านการศึกษา ที่สำคัญยังมีคอร์ส SAT ที่ร่วมมือกับ  College Board หน่วยงานที่จัดสอบ SAT อีกด้วย การฝึกจำศัพท์ SAT Reading เทคนิคนี้ถือว่าช่วยให้การจำศัพท์สนุกขึ้น และไม่น่าเบื่ออีกด้วย

เทคนิค SAT Reading ฝึกอ่านนิยาย หนังสือพิมพ์ หรือวารสารวิชาการภาษาอังกฤษ

การฝึกอ่านนิยาย, หนังสือพิมพ์ หรือวารสารวิชาการภาษาอังกฤษ

การสอบ SAT พาร์ท Critical Reading จะมีบทความหัวข้อต่างๆ ทั้งบทความวิทยาศาสตร์ นิยาย ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่สำคัญ และสังคมศาสตร์ ดังนั้น การอ่านอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นนิยาย หนังสือพิมพ์ และวารสารวิชาการมีส่วนปรับปรุงการอ่านให้ดีขึ้นได้ และช่วยให้จับใจความได้เร็วขึ้น สำหรับเทคนิคที่สำคัญคือต้องฝึกจับใจความประเด็นที่สำคัญ เพราะเมื่อถึงเวลาสอบจริงจะทำให้สามารถเกาะประเด็นและจับใจความสำคัญเพื่อนำไปตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง 

วรรณกรรม

การอ่านวรรณกรรม ทั้งงานคลาสสิกหรือร่วมสมัย รวมถึงหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับการสอบ SAT นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังเป็นหนังสือที่อ่านสนุกอีกด้วย ที่สำคัญน้องๆ สามารถพกติดตัวไว้อ่านตอนว่างๆ ได้เสมอ  ไม่ว่าจะเป็นช่วงนั่งรถกลับบ้าน หรือก่อนเข้าเรียน โดยมีวรรณกรรมที่น่าสนใจอยู่หลายเล่ม เช่น Things Fall Apart ของ Chinua Achebe, The Awakening ของ Kate Chopin และ To Kill a Mockingbird ของ Harper Lee เป็นต้น สำหรับน้องๆ ที่อยากเริ่มอ่าน ขอแนะนำ The Catcher in the Rye ของ J. D. Salinger  เพราะเนื้อหามีประเด็นการก้าวผ่านวัย (Coming of Age) และใช้คำศัพท์ไม่ยาก รวมถึง มีความยาวที่พอเหมาะ นอกจากนี้ สำหรับใครที่อยากเข้าใจหนังสืออ่านนอกเวลาเพิ่มเติมสามารถใช้เว็บไซต์ที่เป็น Study Guides ที่มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน เช่น Sparknotes, Litcharts, และ Shmoop ซึ่งจะช่วยในการสรุปเนื้อหาสำคัญของเรื่องนั้นๆ และการตีความ

หนังสือพิมพ์

นอกจากวรรณกรรมแล้ว การอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเป็นประจำ สามารถฝึกทักษะในการอ่านให้ดีขึ้นได้ และยังได้คำศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญควรเลือกหนังสือพิมพ์ฉบับที่เป็นเจ้าของภาษา เพื่อให้คุ้นชินกับรูปแบบประโยคหรือการใช้คำ อย่าง The New York Time ที่มีเนื้อหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการเงิน การลงทุนของประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก นอกจากจะได้ภาษาแล้ว ยังทำให้เข้าใจบริบทสังคม ค่านิยม และวัฒนธรรมของอเมริกาได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งน้องๆ สามารถอ่านได้ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ The New York Time

วารสารวิชาการภาษาอังกฤษ

บทความวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในหัวข้อที่มักจะเจอในข้อสอบ SAT ดังนั้น การอ่านวารสารวิชาการ ซึ่งเป็นผลงานการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ เป็นการช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ในหัวข้อนี้ได้ หรือจะเลือกอ่านในหัวข้อที่สนใจอื่นๆ ก็สามารถช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ที่ไม่เคยเจอได้เช่นเดียวกัน

เลือกทำ Passage ที่ถนัดก่อน

อีกเทคนิคในการทำข้อสอบ SAT Reading ที่สำคัญ คือ การเลือกทำ Passage ที่ถนัดก่อน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่ช่วยให้ทำข้อสอบได้เร็ว และสามารถบริหารเวลาได้แม่นยำขึ้น สำหรับใครที่ถนัดหรือทำหัวข้อไหนเร็วให้เลือกทำส่วนนั้นก่อน เพื่อที่ไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปกับ Passage ที่ไม่เข้าใจ และเก็บข้อที่ไม่ถนัดไว้สุดท้าย เพื่อนำเวลาส่วนใหญ่ไปทุ่มเทให้กับข้อที่ถนัดและมีโอกาสได้คะแนนดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น บางคนคิดว่าประวัติศาสตร์อเมริกาเป็นเรื่องไกลตัวและมีความยากในการทำความเข้าใจ แต่สำหรับบางคนอาจจะสนใจและชื่นชอบในเรื่องนี้ก็สามารถเลือกทำข้อสอบในส่วนนี้ก่อนได้

กุญแจสำคัญที่ช่วยทำข้อสอบ SAT Reading ให้ดีขึ้น

กุญแจสำคัญที่ช่วยทำข้อสอบ SAT Reading ให้ดีขึ้น

รูปแบบของบทความในข้อสอบ SAT นั้นมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรม หรือบทความวิทยาศาสตร์ ซึ่งบทความแต่ละรูปแบบจะมีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน เช่น บางบทความเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางบทความนำเสนอข้อมูล แต่บางบทความก็อธิบายกระบวนการ และยังมีบทความที่โน้มน้าวผู้อ่านด้วย ซึ่งการรู้คุณสมบัติของบทความยังถือว่าเป็นเทคนิค SAT Reading ที่สามารถช่วยให้ทำข้อสอบพาร์ทนี้ดีขึ้นได้ 

• รู้ประเภทของบทความ

ข้อสอบ Reading มีประเภทของบทความที่หลากหลาย ซึ่งบทความแต่ละประเภทก็จะมีจุดประสงค์ในการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไป บางบทความต้องการบอกข้อมูล บางบทความเล่าเรื่องราว และบางบทความอาจเขียนโน้มน้าวผู้อ่านให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งข้อสอบ SAT Reading จะมีบทความหลายรูปแบบ เช่น นิยาย ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่สำคัญ Speech บุคคลสำคัญ และจดหมาย เป็นต้น ซึ่งการรู้ประเภทของบทความจะช่วยให้รู้ไอเดียคร่าวๆ ของบทความนั้นได้

• จุดประสงค์ของบทความ

สำหรับข้อสอบพาร์ท Reading นอกจากการทดสอบทักษะในการอ่านแล้ว การทำข้อสอบ SAT Reading ยังต้องหาหลักฐาน เหตุผล เพื่อสนับสนุนคำตอบในข้อก่อนหน้าด้วย พร้อมทั้งยังต้องวิเคราะห์บทความว่าผู้เขียนต้องการที่จะสื่ออะไร หรือบทความมีทิศทางอย่างไร ดังนั้น การรู้จุดประสงค์ของบทความจะช่วยทำให้เข้าใจผู้เขียนได้มากขึ้น

 • รู้หัวข้อบทความ

หัวข้อบทความที่มักจะเจอในข้อสอบ SAT นั้นมีด้วยกัน 3 หัวข้อใหญ่ๆ คือ 

  1. วรรณกรรมอเมริกา หรือวรรณกรรมร่วมสมัย ซึ่งมักเลือกจากวรรณกรรมคลาสสิก หรือวรรณกรรมใหม่ๆ จากนักเขียนชาวอเมริกัน และนักเขียนอื่นๆ ทั่วโลก 
  2. บทความประวัติศาสตร์ และสังคม หัวข้อส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง สำหรับในหมวดนี้มักจะเลือกบทความจาก Great Global Conversation ซึ่งเป็นเอกสารที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตทางการเมือง หรือเรื่องราวของผู้เขียน 
  3. บทความวิทยาศาตร์ มักจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดและการทดลอง ของวิทยาศาสตร์โลก ชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ 

เมื่อรู้หัวข้อต่างๆ ที่มักออกสอบใน SAT เหล่านี้แล้ว ก็ช่วยให้สามารถคาดเดาคำถามได้ว่าเป็นประมาณไหน ที่สำคัญยังช่วยให้เราเลือกหัวข้อในการฝึกอ่านได้ถูกด้วย

• ความซับซ้อนของบทความ

บทความแต่ละเรื่องมีความยากง่ายที่แตกต่างกันออกไป บางบทความใช้คำศัพท์ที่เข้าใจง่าย สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา แต่บางบทความมีความซับซ้อน ใช้คำศัพท์ที่มีหลายความหมาย ซึ่งอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ เช่น มีการใช้สำนวน การเปรียบเปรย หรือใช้ประโยคที่ยาว ซึ่งผู้อ่านจำเป็นจะต้องตีความ หากน้องๆ เข้าใจความซับซ้อนของบทความที่มีในข้อสอบ ก็จะช่วยประเมินและวางแผนในการทำข้อสอบให้ดีขึ้นได้ โดยประเมินว่าควรทำข้อใดก่อน-หลัง เพื่อให้ทันเวลา และทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

• Paired Passages

สำหรับบทความแบบ Paired Passages ใน SAT Reading เป็นบทความที่มีหัวข้อเดียวกัน และมีความเกี่ยวข้องกัน แต่อาจจะมีมุมมอง หรือแง่มุมในการเขียนที่แตกต่างกันออกไป นอกจากข้อสอบจะถามถึงข้อมูลในแต่ละบทความแล้ว ยังถามถึงความเชื่อมโยงของสองบทความนี้ด้วย ดังนั้น จะต้องดูว่าจุดประสงค์ของบทความทั้งสองนั้นสนับสนุนหรือว่าขัดแย้งกัน เมื่อจับแนวทางได้แล้วว่าบทความทั้งสองมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ก็จะช่วยให้ทำข้อสอบแนวนี้ได้ง่ายขึ้น

• ข้อมูลจากกราฟ หรือแผนภูมิ

บทความบางบทความอาจให้กราฟหรือแผนภูมิที่แสดงผลการทดลอง ซึ่งจุดประสงค์คือการให้หาข้อมูลจากกราฟ สรุปข้อมูล หรือหาความเชื่อมโยงระหว่างกราฟและบทความ ดังนั้น การฝึกอ่านข้อมูลจากกราฟถือเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ช่วยทำให้คะแนนข้อสอบ SAT Reading ดีขึ้นได้

สำหรับเทคนิคเพื่อเพิ่มคะแนนสอบ SAT Reading ข้อสอบการอ่านเชิงวิเคราะห์และจับใจความสำคัญเพื่อตอบคำถาม จำเป็นต้องฝึกอ่านบ่อยๆ เพื่อทำให้เข้าใจความหมายในแต่ละบทความได้ดีมากขึ้น และการรู้คำศัพท์ให้หลากหลาย ก็เป็นอีกสิ่งที่จำเป็นมากๆ เหมือนกันที่จะช่วยให้การอ่านบทความตอนสอบดีขึ้น น้องๆ จำเป็นที่จะต้องอ่าน และเตรียมตัวในการสอบให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการอ่านนิยายภาษาอังกฤษมากขึ้น อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน รวมทั้งการจำศัพท์ SAT จากแอปพลิเคชัน ถือเป็นเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยอัพคะแนนได้

CU-AAT คืออะไร? ทางเลือกสู่ภาคอินเตอร์ จุฬาฯ สิทธิพิเศษ Think Beyond สัญจร ขอนแก่น

Date : Apr 11, 2022

You May Like