BLOG

    Home Blog Highlight 8 เทคนิคฝึกภาษาอังกฤษจากหนังยังไงให้เป๊ะ พร้อมแนะนำหนังเรื่องเด็ด

8 เทคนิคฝึกภาษาอังกฤษจากหนังยังไงให้เป๊ะ พร้อมแนะนำหนังเรื่องเด็ด

8 เทคนิคฝึกภาษาอังกฤษจากหนังยังไงให้เป๊ะ พร้อมแนะนำหนังเรื่องเด็ด

การดูหนังเป็นภาษาอังกฤษ เป็นอีกเทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษที่สามารถช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในด้านต่างๆ ของน้องๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นด้านการฟัง หรือด้านการพูด แถมยังช่วยให้น้องๆ รู้สึกเพลิดเพลินกับการฝึกภาษาอังกฤษมากขึ้น และไม่รู้สึกเบื่อที่จะเรียนรู้ ดังนั้น ในบทความจึงจะมาแชน์เทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง ที่ให้ทั้งความสนุก และความรู้ในเวลาเดียวกัน โดยเทคนิคการดูหนังฝึกภาษาอังกฤษจะมีอะไรบ้าง และควรฝึกภาษาอังกฤษจากหนังเรื่องไหนดี ไปดูกันเลย!

เหตุผลที่ควรฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนัง

เหตุผลที่ควรฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนัง

การฝึกภาษาอังกฤษนั้นสามารถฝึกได้หลากหลายวิธี เช่น การอ่านหนังสือ การเล่นเกม หรือการคุยกับเพื่อนต่างชาติ เป็นต้น รวมถึงการฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนังที่เป็นวิธีที่ในปัจจุบันนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะว่าได้รับทั้งความสนุก และได้ฝึกภาษาอังกฤษไปพร้อมๆ กันอย่างไม่มีเบื่อ แถมยังช่วยให้ทักษะด้านต่างๆ นั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย โดยเหตุผลที่น้องๆ ทุกคนควรทำการฝึกภาษาอังกฤษจากหนังนั้นมีดังนี้

  • พัฒนาทักษะการฟังให้ดีขึ้นได้ เพราะว่าในหนังจะมีบทสนทนาทั่วไปให้น้องๆ ได้ฝึกจับใจความ และสามารถเข้าใจบทสนทนาได้มากขึ้น
  • เสริมสร้างความมั่นใจในการพูด เพราะว่าน้องๆ คุ้นชินกับการฟัง และบทสนทนาในหนังมาก่อน ทำให้สามารถพูดโต้ตอบได้อย่างลื่นไหล เป็นธรรมชาติ และมีสำเนียงที่ดีขึ้น
  • พัฒนาทักษะด้านการออกเสียงภาษาอังกฤษ เพราะว่าการดูหนังฝึกภาษาอังกฤษบ่อยๆ นั้นจะทำให้น้องๆ คุ้นชินกับสำเนียงภาษาอังกฤษมากขึ้น และทำให้ออกเสียงได้เหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น
  • จดจำคำศัพท์ได้ดีกว่า เพราะว่าการดูหนังฝึกภาษาอังกฤษนั้นมีทั้งรูปภาพ เสียง การแสดงออกทางสีหน้าของตัวละคร ทำให้น้องๆ สามารถจดจำคำศัพท์ และสามารถนำมาใช้ได้ดีกว่าการนั่งเรียนในห้อง
  • เรียนรู้ประโยค และไวยากรณ์ได้ง่าย เพราะว่าการดูหนังฝึกภาษาอังกฤษนั้นจะมีแต่บทสนทนาที่ใช้ในชีวิต ทำให้น้องๆ สามารถเรียนรู้บทสนทนาที่สามารถนำมาปรับใช้ได้จริง และเข้าใจไวยากรณ์ได้ง่ายขึ้น
8 เทคนิคฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง

8 เทคนิคฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง

หลังจากน้องๆ รู้ถึงเหตุผลที่ว่า “ทำไมถึงควรฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนัง?” ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฝึกได้ทุกที่ ทุกเวลา หรือเป็นการเรียนภาษาอังกฤษที่มีความสนุกสนาน แถมยังไม่รู้สึกกดดันจนเกินไปอีกด้วย ดังนั้น ต่อไปเราจะไปดูเทคนิคฝึกภาษาอังกฤษจากหนังที่จะช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของน้องๆ ได้อย่างก้าวกระโดด โดย 8 เทคนิคที่ได้นำมาฝากในบทความนี้ มีดังนี้

 1. เลือกจากหนังที่ชื่นชอบ

การเลือกดูหนังที่ชื่นชอบ เป็นเทคนิคในการฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนังที่น้องๆ หลายคนเลือกทำเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าหนังที่น้องๆ ชอบดูนั้นจะช่วยกระตุ้นให้น้องๆ รู้สึกอยากดู และอยากเรียนรู้มากขึ้น โดยอาจจะเลือกจากหนังที่เคยดูในวัยเด็ก หนังเรื่องโปรด  หนังที่เคยดูแล้วชอบ หรือว่าหนังในกระแสที่อยากดู เช่น บาร์บี้, ทอย สตอรี่ หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นต้น พร้อมกับเปลี่ยนจากพากย์ไทยให้เป็นพากย์ภาษาอังกฤษ เพื่อให้น้องๆ ได้ฝึกฟังภาษาอังกฤษให้คุ้นชินกับสำเนียง และได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งท่องจำ ซึ่งการใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้น้องๆ ผ่อนคลาย และรู้สึกไม่กดดันกับการเรียน หรือฝึกฝนภาษาอังกฤษอีกต่อไป

 2. เลือกหนังตามเลเวลภาษา

การเลือกหนังตามเลเวลภาษาของตัวน้องๆ เอง เป็นอีกเทคนิคในการดูหนังฝึกภาษาอังกฤษ โดยหนังแต่ละเรื่องนั้นจะมีความยาก-ง่ายของภาษาที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนจะเลือกหนังสักเรื่องน้องๆ ควรลองประเมินระดับภาษาอังกฤษของตัวเองก่อนว่าอยู่ในระดับไหน เช่น ถ้าหากภาษาอังกฤษของน้องๆ อยู่ในระดับพื้นฐาน อาจลองเลือกดูการ์ตูน หรือหนังทั่วไปที่มีบทสนทนาทั่วไป ใช้ระดับภาษาไม่ยาก หรือไม่มีการใช้ศัพท์เฉพาะ เพราะถ้าเลือกหนังที่มีการใช้ศัพท์เฉพาะ ตัวละครพูดเร็วจนจับใจความไม่ทัน ฟังไม่รู้เรื่อง หรือแปลไม่ออก อาจจะทำให้น้องๆ รู้สึกเครียด และกดดันได้ แถมยังอาจทำให้เสียกำลังใจในการฝึกภาษาอังกฤษไปอีกด้วย

 3. เปิดหนังดูไปเรื่อยๆ ก่อน

การเปิดดูหนังไปเรื่อยๆ เป็นเทคนิคในการฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนังที่น้องๆ สามารถทำได้ด้วยการปล่อยให้หนังเล่นไปเรื่อยๆ และไม่ต้องกดหยุด หรือว่าพักในแต่ละประโยค โดยเทคนิคนี้จะช่วยให้สมองของน้องๆ นั้นเกิดความคุ้นเคยกับสำเนียง และประโยคมากขึ้น นอกจากนั้นยังโฟกัสไปที่บทสนทนาต่างๆ ภายในหนัง และจะพยายามแปลบทสนทนาที่ได้ยินอยู่ตลอดเวลา ทำให้น้องๆ ไม่สนใจกับการแปลที่ถูกต้องแบบ 100% แต่จะไปโฟกัสกับการแปลที่ทำให้ตัวเองเข้าใจสิ่งที่ตัวละครต้องการจะสื่อมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ความจำ และทักษะในการแปล และการฟังดีขึ้นกว่าการต้องมานั่งกดหยุดบ่อยๆ อีกด้วย

 4. ใช้ซับไตเติ้ลให้คุ้ม

การใช้ซับไตเติ้ลในการฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนัง เป็นเทคนิคที่เหมาะกับน้องๆ มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มดูหนังฝึกภาษาอังกฤษ เพราะว่าการเปิดซับไตเติ้ลเป็นภาษาไทยนั้นจะช่วยให้น้องๆ รู้ว่าประโยคนั้นๆ แปลว่าอะไร และมีคำศัพท์ที่ไม่รู้จักหรือไม่ เพื่อสร้างความคุ้นชินกับประโยค และสำเนียงของตัวละครมากขึ้น หลังจากนั้นจึงค่อยปรับซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษแทน หรือว่าไม่เปิดซับไตเติ้ลเลย เพื่อเป็นการเช็กว่าน้องๆ ฟังได้เข้าใจหรือไม่ และสามารถแปลบทสนทนา หรือประโยคต่างๆ ได้หรือเปล่าด้วย

 5. ฝึกออกเสียงตาม

เทคนิคการฝึกออกเสียงตามในขณะที่ดูหนังฝึกภาษาอังกฤษ เป็นเทคนิคที่จะช่วยให้น้องๆ ได้ฝึกออกเสียงให้ชัดเจนขึ้น ออกเสียงได้อย่างถูกต้อง และสามารถจดจำศัพท์ หรือรูปประโยคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เพียงแค่น้องๆ ลองพูดตามที่ตัวละครพูด หรืออาจจะอ่านซับไตเติ้ลแล้วค่อยออกเสียงตามก็ได้เช่นกัน ซึ่งเทคนิคนี้จะทำให้น้องกล้าที่จะพูดมากขึ้น และเชื่อมั่นว่าตัวเองก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนกับคนอื่นๆ ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะสำเนียงไม่เป๊ะเหมือนชาวต่างชาติ 100% แต่แค่สื่อสารรู้เรื่องก็ถือว่าเก่งมากแล้ว

 6. จดคำศัพท์ที่ไม่รู้ไว้

การจดคำศัพท์ที่ไม่รู้ไว้นั้นเป็นเทคนิคของการฝึกภาษาอังกฤษจากหนังที่จะช่วยให้น้องๆ ได้คำศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และเป็นวิธีท่องศัพท์ให้จำแบบไม่น่าเบื่อด้วย โดยก่อนจะดูหนังนั้นให้น้องๆ เตรียมสมุด 1 เล่ม หรือกระดาษ A4 สักแผ่น เพื่อจดคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย หรือแปลไม่ออก หลังจากดูหนังจบ หรือระหว่างดูก็อาจจะแปลไปพร้อมๆ กันก็ได้ เพราะคำศัพท์บางคำที่น้องๆ แปลไม่ออก หรือไม่รู้ความหมายนั้นอาจจะเป็นใจความสำคัญของประโยคที่ทำให้น้องๆ สามารถเข้าใจที่ตัวละครต้องการสื่อได้ และถ้าหากน้องๆ ปล่อยข้ามไป อาจทำให้เวลาย้อนกลับมาดูอีกรอบก็จะแปลประโยคไม่ออกอยู่เหมือนเดิม

 7. ทำความเข้าใจเนื้อหาของหนังไปพร้อมๆ กับการแปลบทสนทนา

เทคนิคในการฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนังด้วยการทำความเข้าใจเนื้อหาของหนังไปพร้อมๆ กับการแปลบทสนทนา สามารถช่วยให้น้องๆ เข้าใจถึงเรื่องราวของหนังได้ดีขึ้น และสามารถแปลบทสนทนา หรือประโยคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งหลังจากจดคำศัพท์ และทำการทบทวนซ้ำๆ จนจำได้แล้ว ให้น้องๆ ลองเปิดหนังอีกครั้ง พร้อมกับลองฟัง และแปลเนื้อหาไปพร้อมๆ กัน โดยที่ไม่ต้องกดหยุดเพื่อแปลทีละประโยค แต่ให้ทดสอบว่าตัวของน้องๆ เองนั้นมีความเข้าใจมากขึ้นหรือไม่ และแปลบทสนทนาที่กำลังพูดคุยได้ถูกต้องหรือไม่ ถึงแม้ว่าใน 1-2 ครั้งแรกอาจจะไม่สามารถฟังออก หรือเข้าใจ 100% แต่ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ และให้ลองฝึกฝนซ้ำๆ ก็จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

 8. หาคนดูหนังเป็นเพื่อน

เทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษจากหนังที่หลายๆ คนอาจจะมองข้าม คือ การหาคนดูหนังเป็นเพื่อน โดยน้องๆ อาจจะดูหนังกับครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก นอกจากจะทำให้การดูหนังสนุก และมีสีสันขึ้นแล้ว ยังทำให้น้องๆ มีคู่สนทนาในการฝึกภาษาอังกฤษอีกด้วย ซึ่งหลังจากดูหนังจบแล้ว น้องๆ อาจจะทำการจับคู่กับเพื่อน เพื่อลองพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ หรือพูดตามบทในหนังก็ได้เช่นกัน ทำให้น้องๆ ได้ฝึกแสดงออกถึงความรู้สึก สีหน้า ท่าทาง หรือบทบาทของตัวละครมากขึ้น และทำให้น้องๆ ได้เข้าใจ และจดจำถึงรูปประโยค บทสนทนา และคำศัพท์ใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น

รวมตัวอย่างหนังเด็ดช่วยอัพสกิลภาษาอังกฤษ

ถ้าหากน้องๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะฝึกภาษาอังกฤษจากเรื่องไหนดี เพราะว่ายังไม่มีหนังที่ชอบ หรือว่าไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนั้นจะเหมาะกับพื้นฐานภาษาอังกฤษของตัวเองหรือไม่ เพราะว่าหนังแต่ละเรื่องนั้นมีความยาก-ง่ายที่แตกต่างกัน ดังนั้น ในบทความนี้พี่ๆ จึงได้รวบรวมหนังที่เหมาะกับการฝึกภาษาอังกฤษมาให้น้องๆ แล้ว โดยจะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

The Theory of Everything

 The Theory of Everything

หนังที่เหมาะกับการฝึกภาษาอังกฤษเรื่องแรก คือ The Theory of Everything เป็นหนังที่เหมาะกับน้องๆ ที่มีระดับภาษาอังกฤษในระดับปานกลางไปจนถึงระดับดี เพราะว่าตัวละครในเรื่องพูดกันค่อนข้างเร็ว โดยเรื่องนี้จะเป็นหนังรักผสมดราม่าที่จะทำให้น้องๆ ได้เห็นถึงบรรยากาศ และการใช้ชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัย Oxford และ Cambridge ด้วย โดยเนื้อหาในหนังจะเล่าถึงตัวเอกหลักที่เป็นนักฟิสิกส์ชื่อว่า สตีเฟน ฮอว์กิง ที่เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี และนักจักรวาลวิทยา หรือเจ้าของทฤษฎีหลุมดำ ซึ่งหนังจะเริ่มต้นบรรยายเกี่ยวกับชีวิตของสตีเฟน ฮอว์คิง ในสมัยเรียนที่ได้พบรักกับภรรยา แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี สตีเฟนก็พบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อหมอสรุปว่าเขามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS และจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกแค่ 2 ปี เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร สตีเฟนจะต้องตายในอีก 2 ปีหรือไม่ มาร่วมลุ้นไปพร้อมๆ กันกับหนังรักที่ไม่ได้มีแต่เรื่องของความรัก แต่ยังนำเสนอความใจสู้ และความไม่ย่อท้อของสตีเฟน ฮอว์คิงอีกด้วย

 Downfall: The Case Against Boeing

 Downfall: The Case Against Boeing

หนังที่เหมาะกับการฝึกภาษาอังกฤษเรื่องที่สอง คือ Downfall: The Case Against Boeing เป็นหนังที่เหมาะกับน้องๆ ที่มีระดับภาษาอังกฤษในระดับปานกลางไปจนถึงระดับดี เพราะว่ามีการใช้คำศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการบิน และบทสนทนาที่เป็นเรื่องจริงจังอยู่ตลอดเวลา โดยหนังเรื่องนี้เป็นสารคดีที่เกี่ยวกับการเปิดโปงความจริงของบริษัทผลิตเครื่องบินระดับโลกที่เห็นแก่ผลประโยชน์ และคิดถึงแต่ผลกำไรเป็นหลัก ทำให้ตัวเครื่องบินคุณภาพลดลง ส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นติดต่อกันถึง 2 ครั้ง แต่บริษัทที่ผลิตเครื่องบินก็เอาแต่โยนความผิดให้กับนักบิน และพยายามปกปิดความผิดเอาไว้ ซึ่งจะช่วยให้ข้อคิดน้องๆ เกี่ยวกับเรื่องคุณธรรม และจริยธรรมอีกด้วย

 The King’s Speech

 The King’s Speech

หนังที่เหมาะกับการฝึกภาษาอังกฤษเรื่องที่สาม คือ The King’s Speech เป็นหนังที่เหมาะกับน้องๆ ที่มีระดับภาษาอังกฤษในระดับปานกลาง เพราะว่าตัวละครหลายๆ ตัวเป็นชาวอังกฤษ จึงทำให้เวลาพูดมีสำเนียงบริติชที่เป็นสำเนียงที่ค่อนข้างฟังยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ว่าตัวละครภายในเรื่องก็มีการแสดงท่าทาง และสีหน้าออกมาอย่างชัดเจน อาจทำให้น้องๆ สามารถคาดเดาทิศทาง หรือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ โดยหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างความประทับใจให้กับคนดูเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหนังที่นำประวัติของพระเจ้าจอร์จที่ 6 ที่มีปัญหาเรื่องการพูดมาเป็นประเด็นหลักของเรื่อง แต่ด้วยหน้าที่ และความรับผิดชอบของกษัตริย์นั้นทำให้การพูด หรือการออกเสียงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่กษัตริย์ต้องมี เพราะต้องใช้สำหรับปลอบโยน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนของตนเองช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้หนังเรื่องนี้ได้เผยมุมมอง หน้าที่ และความรับผิดชอบที่พระเจ้าจอร์จที่ 6 ต้องแบกรับ รวมถึงการรวบรวมความกล้าที่จะเอาชนะความยากลำบาก พร้อมกับมิตรภาพของเหล่าสหายที่ช่วยเหลือ คอยบำบัดอาการพูดไม่ชัด และการได้รับกำลังใจจากคนรัก จึงถือว่าเป็นอีกเรื่องที่น้องๆ ไม่ควรพลาด

Legally blonde

 Legally blonde

หนังที่เหมาะกับการฝึกภาษาอังกฤษเรื่องที่สี่ คือ Legally Blonde  เป็นหนังที่เหมาะกับน้องๆ ที่มีระดับภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับดี เพราะว่าตัวละครหลักจะค่อนข้างพูดเร็ว แต่มีการออกเสียงที่ชัดเจน อาจทำให้บางครั้งน้องๆ ฟังไม่ทันบ้าง แต่โดยรวมถือว่าเป็นเรื่องที่ฟังง่าย และเหมาะแก่การฝึกภาษา ซึ่งพี่ๆ เชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ ได้อย่างแน่นอน โดยเป็นเรื่องของสาวผมสีบลอนด์ที่ถูกแฟนทิ้ง เพราะเธอมีผมสีบลอนด์เกินไป ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นภรรยาของเขาในอนาคต ทำให้เธออยากได้รับการยอมรับ และอยากเปลี่ยนแปลงตามที่แฟนต้องการ จึงทำให้เธอตัดสินใจลงเรียนวิชากฎหมาย แต่ยังคงความเป็นตัวของตัวเองอยู่ ทั้งการแต่งตัว และเอกลักษณ์อื่นๆ ของตัวเธอเอง รวมถึงแฟชั่นที่โดดเด่นออกมาจากเพื่อนๆ ทำให้เธอต้องเจอคำดูถูกมากมายว่าคนอย่างเธอคงเรียนไม่จบแน่นอน โดยเธอจะสามารถเอาชนะคำดูถูกเหล่านั้นได้หรือไม่ และจะสามารถกลับมาคืนดีกับคนรักได้เปล่า ต้องไปติดตามชมกันเลย

Paddington

 Paddington

หนังที่เหมาะกับการฝึกภาษาอังกฤษเรื่องที่ห้า คือ Paddington เป็นหนังที่เหมาะกับน้องๆ ที่มีระดับภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐาน เพราะว่าการออกเสียงของแต่ละตัวละครนั้นมีการออกเสียงชัดเจนมาก และมีการแสดงออกทางสีหน้า และท่าทางอย่างชัดเจน ทำให้น้องๆ สามารถเข้าใจถึงเรื่องราวต่างได้ง่ายขึ้น โดยเป็นเรื่องราวของเจ้าหมีตัวน้อยที่มีความสามารถพิเศษ คือ สามารถพูดภาษาคนได้ ซึ่งเจ้าหมีน้อยตัวนี้นั้นได้พลัดหลงมาอยู่ในสถานีแพดดิงตัน ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จนได้พบกับครอบครัวหนึ่งที่ช่วยเหลือเจ้าหมีตัวนี้ไว้ และตั้งชื่อให้ว่าแพดดิงตัน แต่ว่าเจ้าหมีแพดดิงตันต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย การผจญภัย มิตรภาพ และการเริ่มต้นใหม่กับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แถมยังสอดแทรกข้อคิด สะท้อนความจริงของกลุ่มคนที่ต้องย้ายถิ่นฐานมาใช้ชีวิตในเมืองที่ไม่รู้จัก และสะท้อนถึงจิตใจของเด็กยากไร้ หรือเด็กกำพร้าที่อยากมีชีวิตที่ดี และต้องการมีครอบครัวที่รักตัวเองเหมือนกัน

การฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง เป็นอีกวิธีที่ควรนำไปใช้ในการพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษของตัวน้องๆ เอง เพราะว่าน้องๆ จะได้ฝึกทั้งทักษะการฟัง และทักษะการออกเสียงไปพร้อมๆ กัน ทำให้น้องๆ สามารถออกเสียงเหมือนเจ้าของภาษาได้ เพราะหนังที่ดูนั้นจะทำให้เราคุ้นชินกับการออกเสียงคำศัพท์ต่างๆ ดังนั้น จะเห็นได้เลยว่าการฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง เป็นวิธีที่ดีมากๆ เพราะได้ทั้งความสนุก สาระ และยังสามารถช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาของน้องๆ ได้อีกด้วย โดยในบทความนี้ก็ได้รวบรวมเทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง และแนะนำหนังที่เหมาะกับการฝึกภาษาอังกฤษไว้ให้แล้ว และหวังว่าน้องๆ ทุกคนจะเก่งภาษาอังกฤษกันมากขึ้น ด้วยการฝึกฝน และทำความคุ้นเคยจากการดูหนัง

สอบเข้า MUIDS สาธิตมหิดลอินเตอร์ ต้องรู้อะไรบ้าง?

Date : Nov 16, 2022

You May Like