Interdisciplinary Studies คือการศึกษาแบบสหวิทยาการ การศึกษา Interdisciplinary Studies เป็นรูปแบบการสอนที่ได้รับความนิยมในสถาบันชื่อดังอย่าง University of London, Stanford University และ University of Oxford เป็นต้น แม้การเรียนแบบสหวิทยาการเริ่มมีความนิยมมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การเรียนดังกล่าวเป็นรูปแบบการเรียนที่มีมานานแล้ว แต่ก็มาได้รับความสนใจในวงการการศึกษามากขึ้น โดยผู้ปกครองหรือสถาบันต่างๆ ก็นำเอาวิธีการเรียนแบบนี้เข้ามาใช้เนื่องจากเป็นการเรียนที่เปิดกว้างให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย และนำมาบูรณาการได้กับศาสตร์วิชาหลายแขนง

Interdisciplinary Studies คืออะไร
Interdisciplinary Studies คือโปรแกรมการเรียนที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผู้เรียน เหมาะกับคนที่สนใจอยากเลือกศึกษาในด้านสาขาวิชาที่ต่างกันออกไป เพราะสามารถเรียนได้มากกว่า 2 สาขาวิชาไปพร้อมๆ กัน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนที่จบการศึกษาไปแล้วได้มีทางเลือกในด้านการทำงานที่กว้างขึ้น และด้วยอิสระในการเลือกเรียนวิชา หรือความสามารถในการ customize เรื่องที่เรียนได้ ทำให้เหมาะกับน้องๆ ที่เรียนโฮมสคูล (Homeschool) เพราะจะช่วยให้เรียนได้อย่างรอบด้าน และเลือกได้ตามความถนัดหรือความสนใจ รวมถึงสามารถค้นพบตัวตนได้อีกทางหนึ่ง

ข้อดี Interdisciplinary Studies หลักสูตรที่ตอบโจทย์ยุคใหม่
หลักการที่เป็นเทคนิคการสอนในหลักสูตร Interdisciplinary Studies ก็คือการเรียนการสอนที่เรียกว่า Interdisciplinary Learning and Teaching เหมาะมากกับผู้ปกครองที่ทำการเรียนการสอนแบบโฮมสคูล เพราะการนำเอา Interdisciplinary Learning ไปปรับใช้จะช่วยเรื่องพัฒนาการ การเชื่อมโยงและบูรณาการความรู้ได้จากศาสตร์ต่างๆ ได้ สามารถเริ่มสอนได้ตั้งแต่วัยอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษา และสามารถเลือกเรียนหลักสูตร Interdisciplinary Studies ในระดับปริญญาตรีได้อีกด้วย
ประโยชน์ของการนำหลักสูตร Interdisciplinary Studies มาปรับใช้เพื่อการเรียนการสอนของผู้เรียน มีส่วนช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามารถนำมาเชื่อมโยงกันได้ในวิชาต่างๆ เพื่อนำมาสู่การคิดวิเคราะห์ และสร้างแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ซึ่งประโยชน์ที่นักเรียนโฮมสคูลจะได้รับอีกอย่างหนึ่งก็คือ การช่วยเสริมสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และพัฒนาความสามารถในการจดจำเรื่องที่เรียนมาได้ดีขึ้น เพราะการเรียนที่หลากหลายจะช่วยให้ผู้เรียนนำเอาประสบการณ์การเรียนที่ผ่านมาใช้แก้ปัญหาและหาคำตอบในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เกิดการทบทวนสิ่งที่ได้เรียนไปได้โดยธรรมชาติ ทั้งยังเป็นผลดีต่อการทำงานในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะ Interdisciplinary Studies มีโครงสร้างที่เหมือนกันกับโลกของการทำงาน
มีตัวเลือกให้เลือกตามความสนใจ
การเรียนแบบ Interdisciplinary Studies คือการที่นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความชอบ ความสนใจ ความถนัด และก็ยังเหมาะกับผู้ที่อยากลองเรียนเพื่อค้นหาความชอบของตนเองหรืออยากเปิดโอกาสในด้านอาชีพการงานให้กว้างขึ้นเช่นกัน โดยวิชาที่สามารถเลือกเรียนก็มีมากมาย ไม่ว่าน้องๆ จะชื่นชอบหรือมีความถนัดในด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษา ธุรกิจ ศิลปะ หรืออื่นๆ ก็สามารถนำมาผสมผสานในการเรียนได้เลย
ได้เรียนรู้ภาษาที่สาม
แน่นอนว่าการเรียนแบบ Interdisciplinary Learning เป็นการเรียนที่เปิดกว้าง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนตามความสนใจ ครอบคลุมทักษะที่หลากหลาย ดังนั้น ผู้ปกครองที่ให้ลูกๆ ได้เรียนในระบบโฮมสคูลก็สามารถนำเอาวิธีการเรียนแบบสหวิทยาการมาใช้เพื่อส่งเสริมทักษะทางด้านภาษาให้กับลูกๆ อย่างที่ทราบกันว่าในยุคปัจจุบันแค่ภาษาที่สองอาจไม่เพียงพอ การให้ผู้เรียนได้ลองเรียนภาษาที่หลากหลายจะช่วยให้ผู้เรียนค้นพบภาษาที่สามที่ชอบและถนัดได้ โดยภาษาที่น่าสนใจก็อย่างเช่น ภาษาสเปน ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาลี ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาอารบิกหรือภาษาอื่นๆ ซึ่งความสามารถในการใช้ภาษาได้หลากหลายจะมีส่วนช่วยในเรื่องของโอกาสการทำงานได้อีกด้วย
เน้นการใช้ทักษะการวิเคราะห์
การนำหลักสูตร Interdisciplinary Studies มาปรับใช้ในการเรียนมีส่วนช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ เมื่อนำการเรียนแบบสหวิทยาการมาใช้แล้ว การเชื่อมโยงข้อมูล หรือความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ จึงเข้ามามีส่วนสำคัญในกระบวนการศึกษา เมื่อผู้เรียนเจอกับปัญหาสามารถนำเอาความรู้และทักษะที่ได้เรียนมาเพื่อมาวิเคราะห์ เชื่อมโยง วางแผน และตอบคำถาม ซึ่งทักษะการวิเคราะห์นี้มีประโยชน์และความจำเป็นในการต่อยอดในชีวิตประจำวันและในด้านการทำงาน

ข้อจำกัดที่ควรรู้เมื่อเลือกเรียนหลักสูตร Interdisciplinary Studies
แม้วิธีการเรียนแบบ Interdisciplinary Studies จะมีข้อดีมากมายที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่คลอบคลุม แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้สอนและผู้เรียนควรศึกษาปัจจัยต่างๆ ก่อนนำเอาวิธีการเรียนดังกล่าวมาใช้ มาดูกันว่าข้อจำกัดของหลักสูตร Interdisciplinary Studies คืออะไรบ้าง
- เวลา – การเรียนแบบสหวิทยาการมีเนื้อหาที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้การเรียนในแต่ละบทเรียนต้องผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถเรียนได้ครบและครอบคลุมในทุกศาสตร์การเรียนที่เลือกไว้ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับนักเรียนทุกคน
- วินัย – การเรียนที่มีจุดโฟกัสมากกว่า 1 รายวิชา อาจทำให้เรียนหนักและเหนื่อยขึ้น ซึ่งจำเป็นจะต้องมีความขยันและมีวินัยในตัวเอง
- การวางแผน – การเรียนโดยนำหลักสูตร Interdisciplinary Studies มาปรับใช้จำเป็นจะต้องมีการวางแผนการเรียนที่ดี เพราะมีการเรียนที่หลากหลายจึงต้องมีการจัดแผนการเรียนให้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ

ระบบการเรียน GIST ที่เหมาะกับการเรียนยุคใหม่ ที่ควบคู่ไปกับ Interdisciplinary Studies ได้
GIST การเรียนของคนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ “เวลา” ด้วยเวลาการเรียนเพียง 4 วันต่อสัปดาห์ (วันอังคาร-ศุกร์) แต่เนื้อหานั้นจัดเต็ม เข้มข้น ตรงจุด ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในสิ่งที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งเน้นการใช้ภาษาอังกฤษด้วยชั่วโมงการเรียนถึง 400 ชั่วโมง เตรียมความพร้อมไปสู่การเรียนในภาคอินเตอร์ในไทย เน้น 3 คะแนนหลักที่ต้องใช้ ซึ่งก็คือ GED, IELTS และ SAT
หลักสูตร GIST มีสายการเรียนให้เลือก 2 สาย คือ 1. Business & Humanities 2. Engineering & Computer Science พร้อมทั้งมีการส่งเสริม Life Skills เช่น การจัดการความเครียด และการลำดับความสำคัญ เป็นต้น
ความเหมือนของ GIST และ Interdisciplinary Studies คือ การเรียนที่รองรับความสนใจที่หลากหลาย การส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่อื่นๆ ที่จำเป็นอย่างครอบคลุม หล่อหลอมความรู้ความสามารถที่นำไปต่อยอดการเรียนในระดับที่สูงขึ้น และในการทำงานได้ ทั้งนี้ ผู้เรียนยังสามารถนำเอาองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้กับสถานการณ์ต่างๆ อีกด้วย ทำให้การเรียนทั้งสองแบบนั้นสามารถเรียนควบคู่กันได้ เหมาะกับการเรียนยุคใหม่ที่ให้อิสระกับการเรียนแบบไร้ขีดจำกัด
Interdisciplinary Studies คือ หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นการวิเคราะห์ และการแสดงความคิดเห็น ส่งผลให้ผู้เรียนได้มีความคิดที่เปิดกว้าง นอกจากนี้ยังเน้นการเลือกเรียนในเรื่องที่น่าสนใจ และภาษาที่สาม สำหรับครอบครัวที่ใช้ระบบโฮมสคูลสามารถนำหลักสูตรนี้มาปรับใช้ เพื่อให้ลูกๆ มีอิสรทางความคิด พร้อมวิธีการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ