BLOG

    Home Blog Latest รู้จักข้อสอบ MCAT คืออะไร อยากเป็นหมอที่ต่างประเทศควรรู้

รู้จักข้อสอบ MCAT คืออะไร อยากเป็นหมอที่ต่างประเทศควรรู้

รู้จักข้อสอบ MCAT คืออะไร อยากเป็นหมอที่ต่างประเทศควรรู้

หากใครมีความฝันที่อยากเป็นแพทย์ในต่างประเทศ จำเป็นต้องศึกษาการสอบ MCAT หรือ Medical College Admission Test เอาไว้ เนื่องจากมีความสำคัญมากในการทดสอบทางวิชาการที่ใช้ในการประเมินความพร้อมของนักเรียนที่สนใจเข้าศึกษาในหลักสูตรการแพทย์ หรือสาขาวิชาทางการแพทย์อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกาและในบางประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านการศึกษาแพทย์  การสอบ MCATคือ กระบวนการสมัครเข้าศึกษาในหลักสูตรการแพทย์และอาจมีผลต่อโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นแพทย์

ถึงแม้การเข้าสอบหลักสูตรการแพทย์และสาขาวิชาทางการแพทย์ต่างประเทศจะใช้ระบบการคัดเลือกที่แตกต่างกัน ซึ่งมีทั้ง UCAT (University Clinical Aptitude Test) และ BMAT (BioMedical Admissions Test) ที่สามารถเลือกได้ตามสามารถของผู้สมัคร แต่MCAT คือ การสอบที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในปัจจุบัน หากเทียบกับการสอบประเภทอื่นๆ บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักข้อสอบ MCAT พร้อมไขข้อสงสัยว่ามันคืออะไร มีเกณฑ์คะแนนแบบไหน ข้อสอบมีอะไรบ้าง พร้อมเคล็ดลับการเตรียมตัวสอบให้ได้คะแนนดีๆ ไปดูกันเลย

ทำความรู้จัก MCAT คืออะไร?

ทำความรู้จัก MCAT คืออะไร?

MCAT (Medical College Admission Test) เป็นการทดสอบทางวิชาการที่ใช้ในกระบวนการคัดเลือกนักเรียนที่สนใจเข้าเรียนหลักสูตรการแพทย์ (Medical School) ในสหรัฐอเมริกา บางพื้นที่ในแคนาดา และประเทศอื่นๆ ภายในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเป้าหมายของ MCAT คือการวัดและประเมินความพร้อมทางวิชาการ ทักษะการคิดและแก้ปัญหา รวมไปถึงทักษะการอ่านและการเขียนทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ เพื่อประเมินความพร้อมก่อนสมัครเข้าเรียนแพทย์ การสอบ MCAT จะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่ประเมินความรู้และความสามารถในด้านต่างๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะความเข้าใจในวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เช่น ชีววิทยา ฟิสิกส์ และเคมี และความรู้ในด้านทางการแพทย์ ความคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการแก้ปัญหา และทักษะการอ่านและการเขียนทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ เพื่อให้มีการประเมินความพร้อมที่เหมาะสมสำหรับการเข้าศึกษาในหลักสูตรการแพทย์หรือสาขาวิชาทางการแพทย์ต่างๆ

สอบ MCAT สำคัญยังไง?

สอบ MCAT สำคัญยังไง?

การสอบ MCAT คือ หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่คนอยากเป็นแพทย์ในต่างประเทศต้องเจอ ในการเตรียมตัวสำหรับการศึกษาในหลักสูตรการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและในแคนาดา การสอบนี้ไม่เพียงเป็นการทดสอบความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการทดสอบทักษะการแก้ปัญหาและการคิดเชิงวิพากษ์ที่จำเป็นสำหรับอาชีพแพทย์ในอนาคตอีกด้วย

ความสำคัญของการสอบ MCAT มีอยู่หลายส่วน โดยวัตถุประสงค์หลักคือการเลือกคนที่เหมาะสมสำหรับการเข้าศึกษาในหลักสูตรการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและในแคนาดา โดยการสอบ MCAT จะเน้นไปที่คุณลักษณะของความรู้ความสามารถที่จำเป็นต่อสายอาชีพ และการสอบ MCAT ยังสามารถนำไปยื่นขอทุนต่างๆ ได้อีกด้วย

สอบ MCAT ได้เมื่อไร?

สอบ MCAT ได้เมื่อไร?

การจัดสอบ mcat จะถูกกำหนดวันและเวลาไว้ในแต่ละช่วงปี โดยจะมีการจัดสอบขึ้นปีละ 3 รอบ ผู้ที่สนใจสามารถเลือกวันสอบที่เหมาะสมตามตารางเวลาของตนเองได้ โดยปกติแล้ว MCAT จะมีการเปิดสอบในเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน แต่อย่างไรก็ตาม การสอบและวันที่สอบจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวันและเวลาสอบ MCAT หรือเงื่อนไขการสมัครสอบ ควรตรวจสอบที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ AAMC (Association of American Medical Colleges) ที่มีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการสอบ MCAT และวิธีการลงทะเบียนสอบตามปีการสอบที่คุณสนใจ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องมากที่สุด

เกณฑ์คะแนนการสอบ MCAT ได้เท่าไรถึงจะดี

เกณฑ์คะแนนการสอบ mcat ที่จะผ่านการคัดเลือก หรือเข้าสมัครเป็นนักเรียนในหลักสูตรการแพทย์ในแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่เลือกด้วย แต่มีค่าเฉลี่ยของคะแนนที่ควรได้โดยคะแนนรวมคือ 500 คะแนน โดยคะแนนที่ได้ควรอยู่ระหว่าง 472-528 คะแนน

ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยและโปรแกรมการแพทย์อาจมีค่าเฉลี่ยคะแนนที่ต้องการแตกต่างกันออกไป เพราะนอกจากคะแนนรวมแล้ว อาจมีการคำนึงถึงคะแนนในแต่ละส่วนของการสอบเพิ่มเข้ามาด้วย เช่น คะแนนทางวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี เป็นต้น

รูปแบบข้อสอบ MCAT

รูปแบบข้อสอบ MCAT

รูปแบบข้อสอบ mcat จะมีเนื้อหาหลักที่ต้องศึกษาอยู่ด้วยกัน 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Biological and Biochemical Foundations of Living Systems, Chemical and Physical Foundations of Biological Systems, Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior และ Critical Analysis and Reasoning Skills โดยแต่ละส่วนจะเป็นตัวตัดสินทักษะและความสามารถของผู้สอบว่าเหมาะสมกับการเข้าเรียนหรือไม่

1. Biological and Biochemical Foundations of Living Systems

การสอบ mcat ในส่วนของ Biological and Biochemical Foundations of Living Systems (BBLS) จะเกี่ยวข้องกับความรู้และแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบชีววิทยา ทั้งทางชีววิทยาและเคมี ส่วนนี้จะทดสอบความเข้าใจในกระบวนการทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับระบบชีวิต และความเข้าใจในหลักการและกระบวนการทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับระบบต่างๆ ของสิ่งชีวิต โดยสัดส่วนโดยประมาณจะอยู่ที่ 25-30% ของข้อสอบทั้งหมด

สัดส่วนข้อสอบของเนื้อหา Biological and Biochemical Foundations of Living Systems  ในการออกสอบมีดังนี้

  • 65% Introductory biology
  • 25% First-semester biochemistry
  • 5% General chemistry
  • 5% Organic chemistry

2. Chemical and Physical Foundations of Biological Systems

การสอบ mcat ในส่วนของ Chemical and Physical Foundations of Biological Systems (CPBS) จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้และแนวคิด ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่และกระบวนการทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับระบบชีวิทยา ส่วนนี้จะทดสอบความเข้าใจในกระบวนการทางเคมีและฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของร่างกาย การเคลื่อนที่ของสารในร่างกาย โดยสัดส่วนโดยประมาณจะอยู่ที่ 25-30% ของข้อสอบทั้งหมด

สัดส่วนข้อสอบของเนื้อหา Chemical and Physical Foundations of Biological Systems ในการออกสอบมีดังนี้

  • 30% General chemistry
  • 25% First-semester biochemistry
  • 25% Introductory physics
  • 15% Organic chemistry
  • 5% Introductory biology

3. Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior

การสอบ mcat ในส่วนของ Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior (PSBB) จะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความรู้และแนวคิดทางจิตวิทยา ทางสังคม และความเข้าใจในกระบวนการพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีผลต่อสุขภาพกาย ส่วนนี้จะทดสอบความเข้าใจในปัจจัยทางจิตวิทยา สังคมวิทยา และทางชีววิทยาที่มีผลต่อพฤติกรรมทางการแพทย์ โดยสัดส่วนโดยประมาณจะอยู่ที่ 25-30% ของข้อสอบทั้งหมด

สัดส่วนข้อสอบของเนื้อหา Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior ในการออกสอบมีดังนี้

  • 65% Introductory physics
  • 30% Introductory sociology
  • 5% Introductory biology

4. Critical Analysis and Reasoning Skills

การสอบ mcat ในส่วนของ Critical Analysis and Reasoning Skills (CARS) เนื้อหาจะเกี่ยวกับทักษะการอ่านและการวิเคราะห์ข้อความที่ซับซ้อน โดยส่วนนี้จะทดสอบความสามารถในการอ่านและความเข้าใจในเนื้อหาที่ซับซ้อนและหลากหลาย เช่น บทความทางวิชาการ บทความวรรณกรรม และข้อความที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางสังคม นักเรียนต้องสามารถวิเคราะห์และทำความเข้าใจความหมายและความตั้งใจของผู้เขียน และจำเป็นต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้นๆ ได้ โดยสัดส่วนโดยประมาณจะอยู่ที่ 25% ของข้อสอบทั้งหมด

สัดส่วนข้อสอบของเนื้อหา Critical Analysis and Reasoning Skills ในการออกสอบมีดังนี้

  • 50% Humanities
  • 50% Social sciences
ขั้นตอนการสมัครสอบ MCAT

ขั้นตอนการสมัครสอบ MCAT

การสมัครสอบ mcat นั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปในเว็บไซต์ AAMC ก็สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง โดยรายละเอียดการสมัครสอบมีดังนี้

สร้างบัญชี AAMC (Association of American Medical Colleges)

  1. เข้าไปที่เว็บไซต์ของ AAMC
  2. คลิกที่ Sign In และเลือก Create an AAMC Account
  3. กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อีเมล และสร้างรหัสผ่าน

สมัครสอบ MCAT

  1. เมื่อเข้าสู่บัญชี AAMC แล้ว คลิกที่ My MCAT
  2. เลือก Register for the MCAT Exam
  3. เลือกวันที่และสถานที่สอบที่ต้องการ
  4. กรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลอื่นๆ ตามที่ระบุ
  5. เลือกที่นั่งสอบ

เลือกสถานที่สอบ

  1. เมื่อทำการสมัครสอบเสร็จเรียบร้อยจะได้เลือกสถานที่สอบ
  2. เลือกสถานที่สอบที่ใกล้บ้านหรือตามที่ตัวเองสะดวก

ชำระเงินค่าสอบ

  1. ค่าสอบ mcat ต่างกันไปตามปีการสอบ และสถานที่สอบ
  2. ชำระเงินค่าสอบผ่านวิธีการชำระเงินที่ระบุในระบบ

ค่าสมัครพื้นฐาน (Base Registration Fee)

  1. สำหรับการสอบในสหรัฐอเมริการาคาประมาณ $320 – $375 หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 11,224 – 13,153 บาท
  2. สำหรับการสอบนอกสหรัฐอเมริการาคาประมาณ $380 – $450 หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 13,328 – 15,783 บาท 

ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล

  1. ตรวจสอบข้อมูลที่กรอกในการสมัครเพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้องและครบถ้วน
  2. ยืนยันข้อมูลและตัวเลือกสถานที่สอบ

การยืนยันสมัคร

  1. ได้รับอีเมลยืนยันการสมัครสอบจาก AAMC
  2. ตรวจสอบอีเมลเพื่อดาวน์โหลดตั๋วเข้าสอบและข้อมูลสำคัญอื่นๆ

เตรียมสอบ MCAT ยังไงให้ได้คะแนนสูง

เตรียมสอบ MCAT ยังไงให้ได้คะแนนสูง

การสอบ mcat นั้นไม่ได้เป็นเพียงการทดสอบในความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่เป็นการทดสอบทักษะในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอีกด้วย เนื่องจากเนื้อหาที่หลากหลายในทุกๆ ด้านของวิชาแพทย์ การเตรียมสอบ MCAT จึงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความมุ่งมั่นและการวางแผนอย่างดี เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จลุล่วง ดังนั้นควรเริ่มต้นด้วยวางแผนและการเตรียมสอบที่ถูกต้องเพื่อที่จะสามารถพิชิตเป้าหมายในการสอบแข่งขันได้

วางไทม์ไลน์ให้ดี หลีกเลี่ยงการผลัดวันประกันพรุ่ง

การจัดการกับพฤติกรรมตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดการผลัดวันประกันพรุ่งในการเตรียมตัวสอบ mcat นั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการผลัดวันประกันพรุ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพในการสอบได้ ควรวางกำหนดเวลาให้ชัดเจน เวลาไหนอ่านทบทวน เวลาไหนฝึกทำแบบทดสอบ หรือการจัดการเวลาพักผ่อนก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม

หากวิธีเดิมเหมาะกับตัวเราแล้ว ห้ามเปลี่ยนวิธี

การเปลี่ยนรูปแบบการอ่าน หรือการเตรียมสอบ ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคนเสมอไป เพราะแต่ละคนจะมีวิธีการอ่าน และการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการอ่านหรือการทำแบบทดสอบ เพราะหากเลือกวิธีการที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองอาจลดประสิทธิภาพในการอ่านและการทำความเข้าใจในเนื้อหาลดลง ดังนั้น ในการสอบ mcat จึงควรพยายามหาวิธีที่เหมาะสมกับจัวเองจะเป็นผลดีมากที่สุด 

ฝึกทำข้อสอบ MCAT อย่างสม่ำเสมอ

การทำแบบทดสอบเป็นกระบวนการทบทวนและทำความเข้าใจว่าเราเข้าใจในเนื้อหาที่อ่านไปหรือไม่ ซึ่งปกติการที่จะสอบ MCAT ให้ผ่านควรฝึกทำข้อสอบให้ได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 80% เพราะหากทำได้ตามนี้ จะมีโอกาสสูงมากที่จะผ่านความยากของการสอบ MCAT ในสนามจริงไปได้

หาจุดอ่อนของตัวเองให้เจอ

การหาจุดอ่อนของตัวเองให้เจอถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราสามารถหาวิธีแก้ไขจุดอ่อนนั้น เพื่อให้การเตรียมตัวสอบ mcatของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากอ่านหนังสือไม่เข้าใจ อาจลองเปลี่ยนวิธีการทำความเข้าใจใหม่เป็นการดูคลิป หรือหาเพื่อนมาติวแทน เป็นต้น 

ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

เพื่อที่จะให้การเตรียมตัวสอบ mcat เป็นไปอย่างราบรื่น ควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน และจำเป็นต้องเข้าใจว่าการสอบนี้สำคัญอย่างไร ต้องตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญ เพราะเมื่อใดที่เกิดท้อหรือเหนื่อยล้าจนไม่อยากทำต่อ เป้าหมายเหล่านี้จะเป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนที่ดี ในการตระหนักว่าเป้าหมายที่วางไว้คืออะไร

ตั้งเป้าหมายให้คะแนนสูงไว้ตั้งแต่การสอบครั้งแรก

การสอบ mcat ให้ได้คะแนนสูงๆ แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ สิ่งแรกที่อยากแนะนำให้ทำเลยคือ เชื่อมั่นว่าจะทำข้อสอบและติดลำดับที่น่าพึงพอใจได้เช่นกัน ดังนั้น การตั้งเป้าหมายสูงไว้ก่อน ถือเป็นการกระตุ้นให้เรามีความแน่วแน่มากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้มีมากขึ้นอีกด้วย 

สรุป

MCAT เป็นการทดสอบการคัดเลือกนักเรียนที่สนใจเข้าเรียนหลักสูตรการแพทย์ในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ภายในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเป้าหมายของ MCAT คือการวัดและประเมินความพร้อมทางวิชาการ ทักษะการคิด และการแก้ปัญหา รวมไปถึงทักษะการอ่าน การเขียนทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ เพื่อประเมินความพร้อมก่อนเข้าเรียนแพทย์ โดยการสอบ mcat ถือว่าเป็นการสอบที่มีการแข่งขันสูงมากเลยทีเดียว 

เพราะฉะนั้น ควรมีการเตรียมตัวก่อนสอบอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากในเรื่องการทดสอบความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังมีการสอบเกี่ยวกับการวิเคราะห์อีกด้วย การวางแผนในการทบทวนเนื้อหา และการตั้งเป้าหมายที่แน่วแน่ถือว่าเป็นวิธีที่จะช่วยให้สามารถผ่านการสอบที่ลำบากนี้ไปได้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสมัครสอบ สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ AAMC ซึ่งจะมีการเปิดสอบตลอดช่วงเดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกันยายน และมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ $320 – $450 หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 11,224 – 15,783 บาท ขึ้นอยู่กับสถานที่สอบที่เลือกนั่นเอง

ประสบการณ์สอบสัมภาษณ์หมอ-รามา โครงการ M.D.-M.M เตรียมตัวสอบสัมภาษณ์เข้ามหา’ลัย เป็นภาษาอังกฤษให้ปัง ไม่พังหน้างาน

Date : Sep 13, 2023

You May Like