น้องๆ หลายคนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยอินเตอร์ (มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ) คงจะคุ้นเคยกับข้อสอบ 2 อย่างนี้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วนะครับ แต่พี่เชื่อว่าก็คงมีหลายๆ คนที่สับสนระหว่างข้อสอบ SAT Subject Tests กับข้อสอบ SAT ธรรมดา วันนี้เรามาดูกันครับว่าข้อสอบทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร

ก่อนอื่นข้อสอบทั้งสองประเภทนี้ออกโดยองค์กรที่ชื่อว่า College Board ของประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้เป็นข้อสอบในการวัดความรู้ของเด็กอเมริกันสำหรับเข้ามหาวิทยาลัยนั่นเองครับ
ข้อสอบ SAT จะถือว่าเป็นข้อสอบที่เด็กโดยมากต้องสอบกัน ประกอบไปด้วย 2 วิชา คือ Math และ Verbal (หรือภาษาอังกฤษนั่นเอง) คะแนนเต็มของ SAT คือ 1,600 แบ่งออกเป็น Math และ Verbal อย่างละ 800 คะแนน ซึ่งในบทความนี้เราก็จะไม่ได้เน้นเรื่อง SAT กันมากนะครับ แต่ถ้าใครอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อสอบ SAT ก็คลิ๊กไปที่นี่ได้เลยครับ –> https://interpass.in.th/sat-คืออะไร-มาเจาะลึกทุกข้/
ส่วนข้อสอบ SAT Subject Tests หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า SAT II นั้น ถือว่าเป็นข้อสอบเฉพาะทางที่ต้องการวัดความสามารถเชิงลึกของน้องๆ ในการเรียนคณะต่างๆ ที่ต้องการความสามารถด้านนั้นเป็นพิเศษ เช่น หากน้องต้องการเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยก็อาจจะให้น้องไปสอบ SAT II ในวิชา ฟิสิกส์ เคมี และ เลขของ SAT Subject Tests เพิ่มเติม ซึ่งน้องๆ ก็จะสังเกตเห็นนะครับว่ามีข้อสอบเลขทั้งใน SAT และ SAT II ด้วย แต่ระดับความยากก็จะต่างกัน โดยที่ใน SAT II ก็จะยากกว่า SAT ธรรมดาครับ
จริงๆ แล้วแม้ว่าในประเทศไทยเรามีการเปิดสอบ SAT Subject Test ไม่กี่วิชา ที่นิยมสอบกันก็จะมีวิชา ชีววิทยา (Biology E/M) ฟิสิกส์ เคมี และ เลข (Math Level 1, 2) เท่านั้น ซึ่งคะแนนเต็มแต่ละวิชาก็คือ 800 เหมือน SAT ปกติเลยครับ แต่อันที่จริง SAT Subject Tests มีวิชาอื่นๆ อีกนะครับ เช่น English Literature, US History, World History, Languages ต่างๆ ดังนั้นหากน้องๆ คนไหนที่สนใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศก็อย่าลืมตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยแต่ละที่ก่อนนะครับว่านอกจากที่เราต้องสอบ SAT แล้ว ก็อาจจะมี SAT II บางวิชาที่เราต้องสอบด้วยเช่นกัน
SAT Subject Tests ใช้กับมหาวิทยาลัยไทยที่ไหนได้บ้าง

อย่างที่พี่ได้กล่าวไปแล้ว ในเมืองไทยจะเปิดสอบ SAT Subject Tests วิชาหลักๆ เป็นวิชาสายวิทย์ ดังนั้นโดยหลักการแล้วคณะที่เกี่ยวข้องการวิทยาศาสตร์ต่างๆ ก็จะรับคะแนนตัวนี้ครับ ยกตัวอย่างเช่น
- ISE (วิศวกรรมศาสตร์ จุฬา) ใช้ เคมี, ฟิสิกส์ และ เลข Level 2 (อาจมีความแตกต่างแต่ละภาควิชา)
- หมอรอบ 1 รามาจุฬาภรณ์ น้องๆ ใช้ SAT Subject Tests ยื่น (ไม่ใช้ BMAT)
นอกจากนี้ก็มีอีกหลายคณะเลยครับเช่น BSAC (สาขาวิชาเคมีประยุกต์ จุฬา) เป็นต้น สำหรับน้องๆ ที่อยากรู้เพิ่มเติมว่าถ้าเรามี SAT Subject Tests ในมือแล้วสามารถยื่นคณะอะไรได้บ้าง คลิ๊กที่นี่เลยครับ –>
สมัครสอบอย่างไร
ในประเทศไทยมีเปิดสอบ SAT Subject Tests ด้วยกันทั้งหมด 5 รอบ น้องๆ สามารถสมัครสอบได้ทุกรอบไม่จำกัด โดยน้องๆ สามารถเช็ครอบสอบได้ที่นี่ https://collegereadiness.collegeboard.org/sat-subject-tests/register/international-registration/test-dates-deadlines
ส่วนการสมัครสอบก็ทำ online โดยต้องเข้าไปสร้าง account ของเราก่อนตามลิงค์นี้เลยครับ https://account.collegeboard.org/login/login?idp=ECL&appId=115&DURL=https://nsat.collegeboard.org/satweb/login.jsp

ค่าสอบ SAT Subject Tests นั้นมีค่าลงทะเบียนต่อการสอบ 1 ครั้งอยู่ที่ $26 และมีค่าสมัครสอบสำหรับเด็กที่อยู่นอกประเทศอเมริกาอีก $53 และในแต่ละวิชาที่น้องจะไปสอบก็จะเสียค่าใช้จ่ายที่ $22 ครับ (ในการสอบครั้งหนึ่ง น้องๆ สามารถเลือกสอบได้ 1, 2 หรือ 3 วิชา) แต่ถ้าเป็นวิชาพวกภาษาต่างๆ จะอยู่ที่ $26 ต่อวิชาครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าน้องๆ อยากไปสอบ Math Level 2, Physics, Chemistry ในครั้งเดียวกันก็จะต้องจ่ายเงิน $26 + $22 + $22 + $22 + $53= $145 นั่นเอง

อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวังอยู่อย่างหนึ่งก็คือ จะมีบางรอบสอบที่เขาเปิดให้สอบทั้ง SAT และ SAT II แต่น้องๆ ไม่สามารถสอบทั้งสองสนามได้พร้อมกันครับ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นน้องๆ ม.6 ต้องจัดการเวลาให้ดีเป็นพิเศษเลยนะครับ หลายๆ คนพลาดโอกาสในการสอบไปเพราะไม่ทราบเรื่องนี้นะครับ
เริ่มเตรียมตัวสอบ SAT Subject Tests อย่างไรดี
พี่ขอพูดในแง่ข้อสอบที่นิยมสอบในเมืองไทยก็คือ Math Level 2, Physics, Chemistry และ Biology E/M แล้วกันครับ อันที่จริงแล้ว ข้อสอบ SAT Subject Tests ไม่ใช่ข้อสอบที่ยากมากเมื่อเทียบกับความยากของข้อสอบไทยๆ เรา (ฮ่าๆ) แต่ความท้าทายของข้อสอบมีหลักๆ ด้วยกัน 3 ข้อครับ นั่นคือ
- เรื่องของภาษาอังกฤษ เนื่องด้วยข้อสอบ SAT Subject Tests เป็นข้อสอบที่มีจำนวนข้อมาก โจทย์บางข้อยาวมาก เช่น วิชาเคมีมี 85 ข้อ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ดังนั้นน้องๆ อาจจะต้องฟิตภาษาหน่อยครับ
- นอกจากข้อสอบจะมี 5 ตัวเลือกแล้ว ข้อไหนที่น้องๆ ตอบผิดก็จะมีคะแนนติดลบ ¼ ด้วยนะครับ ซึ่งหลายๆ คนไม่คุ้นเคยกับข้อสอบแบบนี้ครับ
- ออกกว้างๆ บางเรื่องในเมืองไทยไม่ได้สอน ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ scope ของข้อสอบก่อนว่าเขาจะออกเรื่องอะไรบ้างครับ
ดังนั้นถ้าน้องๆ ตั้งใจจริงสำหรับการเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่วันนี้เลยครับ เพราะรุ่นพี่เราที่ได้คณะในฝัน ได้คะแนน SAT Subject Tests 800 เต็ม หรือเกือบเต็มกันทั้งนั้นนะครับ สำหรับใครที่อยากจะประหยัดเวลาในการเรียน หรือให้พี่ๆ ช่วยวางแผนการเรียนให้แล้วล่ะก็ สามารถที่จะติดต่อพี่ๆ ผ่านทางช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ หรือใครที่อยากดูรายละเอียดคอร์ส SAT Subject Tests ของ InterPass ก็คลิ๊กได้ที่นี่เลยครับ –> https://interpass.in.th/course_category/sat-subject-test/
________________________________________
InterPass ที่ 1 ด้านอินเตอร์ ✈️
สอบถามคอร์สเรียน Inbox: m.me/interpassinstitute
Line: @InterPass
Tel: 089-9964256, 089-9923965