BLOG

ประสบการณ์ เตรียมสอบหมอ รามาฯ รอบ 1

ประสบการณ์ เตรียมสอบหมอ รามาฯ รอบ 1

กว่าจะสอบติดหมอ รามาฯ รอบ 1 แชร์เส้นทางการเตรียมตัวสอบและสัมภาษณ์ By น้องไบร์ท (รามา M.D.-M.M.)

โค้งสุดท้ายของการเตรียมตัวสอบเข้าหมอ รอบ 1 แล้วนะคะ สำหรับว่าที่คุณหมอทุกคน คงกำลังอ่านหนังสือและฝึกโจทย์ BMAT รอบเดือน Nov ที่กำลังจะมาถึง วันนี้พี่แอดมิน มีกำลังใจดีๆ จากรุ่นพี่นักเรียนคนเก่งของ InterPass พี่ไบร์ท ปนรรฐพร ตังกวย แพทย์-รามา ติดหมอรอบ 1 มาฝากค่ะ ลองไปติดตามเส้นทางการเตรียมตัวจนถึงการสอบติดแพทย์กันเลยค่า ^^

Q: แนะนำตัวให้น้องๆ InterPass ได้รู้จักหน่อยค่า

สวัสดีค่ะ ชื่อไบร์ท ปนรรฐพร ตังกวยค่า จบชั้นม.6 จากรร. สาธิต มศว.ปทุมวัน เพิ่งสอบติด คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต (M.D.-M.M.) ในรอบที่ 1 การรับเข้าแบบ Port folio ค่า

Q: น้องไบร์ทรู้ตัวตอนไหนว่าอยากสอบเข้าแพทย์ รามาฯ คะ? เพราะอะไรถึงเลือกเข้าหลักสูตรแพทย์บริหาร?

ถ้ารู้ตัวว่าอยากเข้าหมอ รามาฯ ก็คงจะเป็นช่วงปิดเทอม ม.4 ขึ้น 5 ค่ะ หลังจากได้เข้าค่ายรามาปณิธาณครั้งที่ 24 ก็ทำให้หนูได้เห็นว่าชอบหมอรามามาก ตั้งแต่หลักสูตรการเรียนการสอน รุ่นพี่ อาจารย์ สังคม สิ่งแวดล้อม และก็กิจกรรมที่นี่เยอะมากกกและหลากหลาย ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเข้าที่นี่มากเลยค่ะ

ส่วนรู้ตัวว่าอยากเป็นหมอ ก็คือเมื่อตอนม.4 ที่หนูได้มีโอกาสไปทำจิตอาสาที่รพ.จุฬาลงกรณ์ค่ะ คือหนูได้รับความรู้สึกที่มีความสุข และดีมาก ๆ หลังจากเราได้ช่วยเพียงแค่ กดบัตรคิว ชั่งน้ำหนักวัดความดันและพาคนไข้ไปพบแพทย์ แต่ก็มีคุณป้าเค้าเดินมาขอถ่ายรูปด้วยและนำนมดีน่ามาให้เลย 555 หนูรู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นแพทย์นี่ก็คงจะยิ่งมีความสุขที่ได้ทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นขนาดไหนนะ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการอยากเป็นแพทย์ ส่วนหลักสูตรแพทย์บริหารของรามาฯ ที่ปีนี้เพิ่งเปิดใหม่เลยขอโอกาสโปรโมทหลักสูตรเลยแล้วกันนะคะ ^^ หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต-การจัดการบัณฑิต เป็นการร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์รพ.รามา ม.มหิดล กับ วิทยาลัยการจัดการ ม.มหิดล โดยเรียน 7 ปี จะได้ ปริญญา 2 ใบค่ะ (พบ. กับ กจ.ม.) โดยเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการผลิตแพทย์นักบริหารเพื่อเป็นผู้นำแพทย์ สามารถจัดการทรัพยากรบุคคล การเงิน และ ระบบของการแพทย์ไทยให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุดค่ะ อันนี้เป็นลิงค์เว็บไซต์เพิ่มเติมเผื่อน้องๆคนไหนสนใจนะคะ

https://www.rama.mahidol.ac.th/meded/th/Course_4

อ้อส่วนสาเหตุที่ทำให้หนูเลือกเข้าโครงการนี้ก็เป็นเพราะว่า ตอนช่วงม.5 ขึ้น 6 หนูได้มีโอกาสไปทำจิตอาสาแพทย์ชนบทที่ปิล็อกโพ่ โบอ่อง จ.กาญจนบุรี ติดขอบชายแดน น้ำไฟเข้าไม่ถึงเลยค่ะ แล้วเราก็เห็นว่าการแพทย์ที่นั่นลำบากมากค่ะ ถ้าชาวบ้านป่วยทีก็ต้องนั่งเรือ 30 นาที และต่อรถอีก กว่าจะเข้ามารับการรักษาที่รพ.ชุมชนได้ ก็เลยทำให้เราอยากพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ดีขึ้น เข้าถึงได้มากขึ้นค่ะ

Q: อยากสอบเข้าแพทย์-รามา ต้องใช้คะแนนตัวไหนบ้าง?

ส่วนด้านคะแนนที่ใช้ในการยื่นจะมี 3 ตัวหลักค่ะเกรดใน รร. ของเรา ของหนูอยู่โรงเรียนไทยก็นำ เกรดเฉลี่ยรายวิชา เลขหรือฟิสิกส์ ชีวะ และเคมี เฉลี่ยรวม 5 เทอม 3 วิชานี้ มากกว่าเท่ากับ 3.5 ค่ะ หรือถ้าไม่ถึง รามาเค้าใจดี อนุญาตให้ใช้ คะแนน Sat subject tests ยื่นแทนได้ค่ะ โดยใช้ 3 วิชา มากกว่าเท่ากับ 700 ค่ะ โดยเราต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง เกรด ก็ เกรดเลย หรือ คะแนน sat ก็ sat ทั้ง 3 ตัวเลย ปนกันไม่ได้ค่ะ

คะแนน IELTS เป็นแบบ academic มากกว่าหรือเท่ากับ 6.5 หนูสอบได้ 7.0 ค่ะ และส่วนมากเพื่อนที่ยื่น ก้ได้ประมาณไม่ต่ำกว่า 7.0 กันหมดเลยค่ะ แนะนำให้ทำได้ 7.0 ขึ้นจะยื่นได้ทุกที่เลยค่ะ

คะแนน BMAT ที่รามารับขั้นต่ำ 12C ค่ะ ถ้าเกินแล้วก็อุ่นใจได้ค่ะ เพราะที่รามาไม่นำคะแนนมาweigh กับการเลือกเข้าสัมภาษณ์ ก็คือ เมื่อคะแนนน้องถึงแล้ว กรรมการจะคัดจากพอร์ต กับ personal statement ล้วนเลยค่ะ ดังนั้นถ้าได้คะแนนไม่สูงมากแต่พอร์ตปังก็มีโอกาสค่ะ ของหนูได้ 15.3A ค่ะ

Q: เล่าการเตรียมตัววางแผนเข้ามหาลัยให้ฟังหน่อยค่า

สำหรับแผนพอหนูรู้ตัวว่าอยากเข้าแพทย์แบบรอบ 1 ตอนม. 4 หลังกลับมาจากแลกเปลี่ยนของ AFS ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็เตรียมเลยค่ะ

  • เริ่มจากม.4 หนูเรียน Sat Subject tests ก่อน ใน 3-year Unlimited Medical Pack ของอินเตอร์พาส และเป็นช่วงค้นหาตัวตนอยู่ด้วยพวกพอร์ตเลยจะเป็นการทำจิตอาสาที่รพ. และมีโอกาสได้เข้าร่วมค่าย Creative AI Camp ของ CPALL ก็ยิ่งเปิดประสบการณ์เราทำให้เห็นการเชื่อมของ AI กับการแพทย์ และการบริหารค่ะ เพราะหนูมีโอกาสได้ไปดูงานที่ IBM Singapore กับ โปรเจ็คเกี่ยวกับ AI ที่ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เลยนำมาเป็นหนึ่งในกิจกรรมได้เลยค่ะ
  • ม.5 ก็ เริ่มเก็บคะแนน IELTS ค่ะ เพราะ สามารถเก็บได้ 2 ปี โดยหนูก็เรียนกับที่ Interpass นี่แหละค่ะในคอร์ส Unlimited Medical Pack เราสามารถเรียนได้ไม่อั้นเลยค่ะ จากนั้นก็ลองสอบ BMAT เป็นครั้งแรกด้วยค่ะ โดยช่วงม.5 หนูจะเน้นทำกิจกรรมมากค่ะ มีทั้งเป็นประธานชุมนุมคณิตศาสตร์ของโรงเรียน กิจกรรมกีฬาสี สอนหนังสือน้องๆม.ต้นที่รร. ทำจิตอาสาทั้งกับเด็กและคนชราเลยค่ะ
  • ส่วนม.6 เมื่อเราอุ่นใจกับ คะแนน IELTS แล้วก็จะมาลุย BMAT ค่ะ โดยตอนม. 5 ที่สอบไปหนูอ่านเพียงแค่ 3 อาทิตย์ก่อนสอบก็เห็นจุดอ่อนตัวเองเยอะมากเลยค่ะ ตอนนั้นได้แค่ 6.9C สอบเสร็จคือร้องไห้และท้อมากค่ะ แต่มันก็เป็นแรงผลักดันให้เราบอกกับตัวเองว่าโอกาสสุดท้ายแล้วเราต้องทำให้ได้ ก็ทุ้มเวลาให้กับ BMAT ทั้งเรียนและทำ PAST PAPERS เยอะๆเป็นเวลา 4 เดือนกว่าๆถึงจะสอบมาแล้วได้ 15.3A ค่ะ ส่วนช่วงปิดเทอมม. 6 หนูก็ ทำ Research และนำพอร์ตเรามาลองเขียนๆดู คิดๆ personal statement ก่อนที่จะสอบ BMAT หลังจากนั้นก็เขียน Port Descriptions, Personal Statement ส่ง Submit แล้วก็ค่อยเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ค่ะ

Q: คิดว่าอะไรคือส่วนที่ยากหรืออุปสรรคในช่วงระหว่างการเตรียมตัว แล้วน้องไบร์ทก้าวข้ามผ่านมายังไงคะ?

สำหรับหนูส่วนที่ยากที่สุดคือ BMAT ค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าการสอบครั้งแรกของหนูที่ทำได้ไม่ดีเลย มันเลยเป็นตัวตอกย้ำและกดดันเรา แต่พอเราทำข้อสอบไปเรื่อยๆเยอะประมาณหนึ่งแล้ว เรียนรู้มากขึ้น ผิดน้อยลงก็สบายใจมากขึ้นค่ะ พูดแบบนี้อาจจะฟังดูง่ายแต่ตอนทำเองกว่าจะผ่านมาได้นี่ไม่ง่ายเลยค่ะ ท้อไปอยู่หลายครั้งเลย  

อีกอย่างหนึ่งที่คิดว่ายากคือ การเขียนอธิบายพอร์ตกับ personal statement เราค่ะ คือเราไม่สามารถรู้ของเพื่อนๆ ที่ส่งคนอื่นๆได้ เลยไม่สามารถประเมินของตัวเองได้ว่าของเราดีพอรึยัง มีตรงไหนที่ทำให้ปังได้มากกว่านี้มั้ย มันเลยเป็นความเครียดจากความไม่แน่นอนค่ะ วิธีแก้ของหนูคือให้หลายๆคนอ่านและ feedback ค่ะ มันก็จะทำให้เราได้เห็นมุมมองจากหลายๆคน และปรับๆให้ดีขึ้นได้ค่ะ และถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีที่สุด แต่พอเรามาอ่านครั้งสุดท้ายก่อนส่งแล้ว ถ้าเรามั่นใจว่านั่นคือตัวเราจริงๆ และเป็นสิ่งที่อยากให้กรรมการรู้จักเราจริงๆ เราก็ส่งได้อย่างภาคภูมิใจเลยค่ะ โดยหนูจำได้ว่า Edit ไปหลายสิบครั้งอยู่เหมือนกันก่อนส่งค่ะ

และอย่างสุดท้ายคือ การสอบสัมภาษณ์ MMIs ค่ะ อันนี้คือด่านสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นตัวตัดสินเส้นชัยของเราเลยก็ว่าได้ พอหนูรู้ว่าเรามีชื่อให้ได้สัมภาษณ์แล้วเราก็ต้องมาเตรียมสัมภาษณ์และหาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร คณะ การสอน ระบบสาธารณสุข ข่าวในชีวิตประจำวัน ทุกอย่างให้ครอบคลุมที่สุด โดยเราก็รู้สึกว่าหาเยอะเท่าไหร่ก็ไม่พออะค่ะ และเราก็ต้องฝึกการพูดภาษาไทยของเราให้คล่อง หนูเป็นคนติดพูดไทยคำอังกฤษคำบางที เพราะรู้สึกว่าบางคำ พูดทับศัพท์ไปเลยมันเข้าใจง่ายกว่า แต่การสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยล้วน และเป็นเราพูดคนเดียวรวด 8 นาทีต่อสถานี ถ้าเรามี dead air มันก็ จะทำให้รู้สึก ค่อนข้าง Awkward ก็เลยยิ่งต้องเพิ่มความคล่องในการพูด ความรู้ในหัวเราเยอะๆ และก็เป็นตัวเองสำคัญที่สุดค่ะ คือตอนวันสัมภาษณ์ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเพื่อนเราพูดเป็นไง เราพูดดีแค่ไหน มันเลยเป็นความยากและความไม่แน่นอนค่ะ การฝึก mock interview เยอะๆก็ช่วยได้ และก็พกความมั่นใจ ร่าเริง สดใส ถึงแม้ว่า station ที่แล้วเราจะทำได้ไม่ดี แต่เราก็ต้องยิ้มสู้พร้อมกับความเป็นตัวเราที่สดใส ใน station ถัดไปค่ะ

Q: อยากให้เล่าความประทับใจต่อ InterPass หน่อยค่า

InterPass มีส่วนช่วยหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งการปูพื้นฐาน SAT Subject tests,  IELTS, BMAT และก็ พี่กิ๊บช่วยดูพอร์ต ช่วยติวสัมภาษณ์​ เป็น mock ให้ และมี boot camp เยอะมาก กิจกรรมฟรีทั้งหมดเลยด้วยความที่หนูเป็นนักเรียนแบบ 3-year unlimited medical pack เลยคุ้มมาก เรียนได้หมดทุกอย่างเลย พี่ต๊อบโค้ชของหนูก็มักจะโทรมาถามความคืบหน้าของหนู และก็ส่งExam banks มาให้ พอหนูสอบติดก็ทักมาหาหนูแสดงความยินดีด้วย พี่ๆปละคุณครูน่ารักทุกคนเลยค่ะ ^^

Q: สุดท้ายแล้ว ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่มีความฝันอยากเข้าแพทย์ รามาฯ หน่อยค่า

พี่ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยต้องต่อสู้ในเส้นทางเดียวกับน้องๆ เพื่อความฝันอันสูงสุดของเรา ณ ตอนนั้นที่ต้องการอยากเป็นนักเรียนแพทย์ที่นี่ รามาธิบดี มากๆๆๆ เลย และหนทางนี้ต้องยอมรับว่ามันไม่ง่ายเลยจริงๆ เพราะการเป็นแพทย์คือการรักษาชีวิตคน ต้องมีความรับผิดชอบสูงมากเพราะเราเอาชีวิตของคนๆหนึ่งมาเลย ดังนั้นแล้วการคัดเลือกเข้าก็ต้องยาก เพื่อคัดเลือกคนที่จะเป็นได้จริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หลายๆครั้งที่พี่ท้อ ทั้งคะแนนน้อย  เครียด เหนื่อย อ่านหนังสือไม่ทัน ก็มักจะมองไปที่เป้าหมายของเรา แรงบันดาลใจ และเหตุผลที่แน่วแน่ของเราตลอดในการจะเป็นแพทย์ การพูดคุยกับเพื่อน คุณพ่อ คุณแม่ พี่น้องก็ช่วยได้ ทำให้เราเดินต่อไปได้ ดังนั้นแล้ว “เพราะว่ามันไม่ง่าย ไม่งั้นใครๆก็ทำได้แล้ว” เลยเป็นคำพูดของคุณพ่อพี่ที่ผลักดันให้พี่สู้ สู้ไม่ถอย จนมีวันนี้ที่เราสอบติดได้ และพี่ก็เชื่อว่าน้องๆก็สามารถเป็นคนๆนั้นได้เช่นกัน แล้วมาเจอกันในรั้วรามาฯ นะคะ. สำหรับใครที่มีคำถาม ต้องการกำลังใจ หรืออยากปรึกษาพี่ไบร์ทเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อพี่ได้ที่ line : bright_2 หรือ ig @brightpntp ก็ได้นะคะ ทักมาได้เลย พี่เข้าใจน้องๆที่เตรียมตัวอยู่เลย สู้ๆน้า

________________________________________
InterPass ที่ 1 ด้านอินเตอร์ ✈️
สอบถามคอร์สเรียน Inbox: m.me/interpassinstitute
Line: @InterPass
Tel: 089-9964256, 089-9923965

แชร์เคล็ด(ไม่)ลับการเตรียมสอบเข้าคณะ BBA-CU By น้องแปม sat-strategy-for-success

Date : Aug 3, 2021

You May Like