BLOG

    Home Blog IELTS เขียน IELTS Writing Task 2 ยังไงให้ได้ 7 จาก Cambridge IELTS

เขียน IELTS Writing Task 2 ยังไงให้ได้ 7 จาก Cambridge IELTS

เขียน IELTS Writing Task 2 ยังไงให้ได้ 7 จาก Cambridge IELTS

ต้องยอมรับกันเลยค่ะว่าถ้าถามความเห็นว่าข้อสอบ IELTS ในส่วนไหนยากที่สุด คนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า น่าจะเป็น IELTS Writing นั่นเอง ดังนั้นวันนี้เราลองมาทำข้อสอบจริงกันดีกว่าค่ะ พี่จะมาบอกเทคนิคว่าถ้าอยากได้คะแนน Writing Task 2 band 7 ขึ้นไปเราจะต้องทำอย่างไรกันบ้าง

เทคนิคโดยรวมสำหรับ IELTS Writing Task 2

เทคนิคโดยรวมสำหรับ IELTS Writing Task 2
  • จากเวลาที่ได้รับมา 40 นาที ควรใช้ตอนแรกในการวางแผนคิดหาไอเดียว่าจะเขียนอะไรบ้าง แล้ว list ออกมา
  • ใน list ที่เขียนไว้ควรเขียนประเด็นมาสนับสนุนคำตอบเผื่อไว้ด้วย แต่ระวังว่าอย่าเขียนยาวเกินไป ไม่ควรเขียนเป็นประโยค เพราะจะทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ
  • เขียนคำให้ครบที่กำหนด อย่างน้อย 250 คำ และควรมีอย่างน้อย 4 ย่อหน้า โดยย่อหน้าแรกคือ introduction และ ย่อหน้าสุดท้ายคือ conclusion

เอาล่ะค่ะ เรามาลองวิเคราะห์ตัวอย่างข้อสอบจาก Cambridge IELTS เล่ม 14 กันเลย

ตัวอย่างข้อสอบจาก Cambridge IELTS เล่ม 14

1. สำหรับข้อนี้เป็นคำถามประเภทให้เราให้ความเห็นทั้งสองมุมมองที่โจทย์ถาม รวมถึงให้บอกความเห็นของเราเองด้วย ดังนั้นหลักๆ แล้วการให้เห็นผลก็จะต้องมีอย่างน้อยๆ 3 ย่อหน้าแล้ว ถ้ารวม Introduction กับ Conclusion ก็จะเป็น 5 ย่อหน้า ถือว่าไม่น้อยหรือมากเกินไปค่ะ

2. สำหรับการเขียน outline เราจะเริ่มที่การหาก่อนว่าโจทย์ถามอะไรบ้าง และตอบคำถามส่วนนั้นให้ครบ ในที่นี้โจทย์ให้แสดงความเห็นว่า บางคนเชื่อว่าควรยอมรับสถานการณ์แย่ๆ ในชีวิต เช่น งานที่ไม่ชอบ หรือ การไม่มีเงิน คนอื่นๆ เชื่อว่า ควรจะแก้ไขสถานการณ์นั้นๆ ส่วนบรรทัดสุดท้ายให้เราแสดงความเห็นของเราเอง

ตัวอย่าง keyword ที่ช่วยในการตอบคำถาม IELTS
รูปภาพแสดง keywords ที่ช่วยในการตอบคำถาม

สำหรับคนที่แปลโจทย์ไม่ค่อยออก ก็ให้จับคำที่สำคัญ (keywords) เช่น  some people believe…. Others argue…. มักจะเจอบ่อยในข้อสอบเพื่อเป็นการแสดงความขัดแย้งกันของสองความคิดเป็นต้นนะคะ อ่านแบบนี้ก็จะช่วยให้เราอ่านได้ง่ายขึ้นค่ะ

3. เริ่มการเขียน outline โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนตามที่โจทย์กำหนดเลยค่ะ

  • คนที่เห็นด้วยว่าให้ยอมรับ
  • คนที่คิดว่าควรทำให้ดีขึ้น
  • ความเห็นของเราเอง

อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ การเขียนให้น่าเชื่อถือจำเป็นต้องมีเหตุผลหรือตัวอย่าประกอบที่น่าเชื่อถือนะคะ

ลองมาดูตัวอย่างการเขียน outline ในกระดาษทดกันค่ะ

ตัวอย่างการเขียน Outline ในกระดาษทด

นี่คือตัวอย่างการเขียน outline สั้นๆ ในเวลาอันจำกัด จะเห็นได้ว่า เรายังไม่ต้องเขียนเป็นประโยค หรือสนใจเรื่องของ grammar มากในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญคือพยายามหาไอเดียที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือมาให้ได้เสียก่อนค่ะ สังเกตมั้ยคะว่าเราจะไม่ outline ในส่วนของ Introduction เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วการเขียน Introduction ก็คือการ paraphrase โจทย์ที่ให้มานั่นเองค่ะ

4. จากนั้นก็เริ่มเขียนได้เลยค่ะ ถ้าเราวางเนื้อหาเอาไว้ว่าจะเขียน 5 paragraphs ก็เขียนให้ได้ตามนั้นเลยค่ะ สิ่งที่สำคัญมากๆ คือในตอนที่เราเขียนยังไม่ต้องไปกังวลใจมากกับเรื่อง grammar หรือ คำศัพท์นะคะ เพราะอาจจะทำให้เราเขียนไม่จบ เขียนไปก่อนค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจ grammar เลยนะคะ ให้สนใจเรื่องหลักๆ เช่น sentence structure และ subject-verb agreement เป็นต้นค่ะ

5. เหลือเวลาสัก 5 นาทีสุดท้ายเพื่อเช็คเนื้อหาที่เราเขียน รวมถึงพวกตัวสะกดต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่ และหากใครที่ต้องการเปลี่ยนคำศัพท์ให้ดูดีขึ้น ก็สามารถใช้พื้นที่ตรงนี้ในการปรับเปลี่ยนได้เลยค่ะ

เราลองมาดูตัวอย่างการเขียนจากหนังสือ Cambridge IELTS เล่ม 14 กันนะคะ โดยตัวอย่างนี้ได้คะแนน 7.0 ค่ะ

Some people believe that it is best to accept the bad situation such as an unsatisfactory job or shortage of money. Others argue that it is better to try and improve such conditions.

Based on my knowledge, some people choose to except the fate that they have to undergo the bad situation as they believe that good things might come out of it. Their solution is simply to just go with the flow because they think that they will learn something new along the journey. For example, a student received a grade B for his physics examination. However, he only needs one more mark to get an A. If the student requires to receive a mark percentage of 70% to get an A, this student got a 69% on his paper. As the teacher looked through the questions with the whole class, he notices that the teacher accidentally marked his correct answer to wrong. So, realistically, he should get an A. However, he chooses to leave his grade as a B because he believes that his current grade will be a motivation for him to improve and work harder to get a better grade in the next examination. Hence, this explains why some people chooses to accept the bad situation.

Besides that, it is also mentioned that others argue that is better to try and improve such situations. I believe the reason they act that way is because they feel a bit paranoid that the situation will become worse if they do not do so. For instance, a person had to undergo a shortage of money. Logically, they will feel a little paranoid that at one point, they might have to experience an empty pocket and had to live in the streets. Regarding that matter, they figured out a solution to improvise such situations by getting an extra or part-time job. This solution will help them to gain extra money to pay that daily expenses such as water and electricity bills. This means that that problems are solved and they are now worry-free.

In my honest opinion, I strongly suggest that one can choose to act in both situations according to situations. When facing a problem, think of the best solution to solve it. If the situation requires you to simply ignore it, then just do so. There is a no need to figure out a way to improve those situations as it will take up your time and cost stress. However, if the situation requires you to take action quickly, by all means do so as you might not know what are the consequences if you ignore the problem.

In a conclusion, the main important thing when facing bad situations is to analyze the problem, then only you can react to them. Not all bad situations needs to be ignored and not all need to be improved.  Think wisely to get the best solution for all of your problems. (490 words)

สำหรับการเขียนนี้ examiner หรือคนตรวจข้อสอบให้คะแนน 7 โดยมี  comment ดังนี้ค่ะ

  • เขียนตอบคำถามได้ครบ และชัดเจน มีการยกตัวอย่างที่ดี และโครงสร้างของ essay เรียงกันแบบที่ทำให้ผู้อ่นเข้าใจง่าย
  • มีการใช้คำต่างๆเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง เช่น Based on, For example, However, Hence, Besides that, Regarding that matter, This solution, This means that, In my honest opinion แต่ก็มีบางครั้งใช้แบบไม่ถูกต้องเช่น act in both situations according to situations, In a conclusion
  • ในแต่ละย่อหน้ามี main idea ที่ชัดเจน
  • ใช้คำศัพท์ได้ดี รวมถึงคำที่มีความยากขึ้นมาอีกระดับ เช่น fate, paranoid รวมถือใช้คำคู่ที่มักใช้ร่วมกัน (collocation) ได้ดี เช่น go with the flow, figured out a solution, problems are solved, my honest opinion
  • การใช้ grammar ดี แต่ยังพบข้อผิดล้าง เช่น some people chooses, might not know what are the consequences, Not all bad situations needs to be ignored แต่โดยภาพรวมการใช้ grammar ผิดเหล่านี้ก็ไม่ทำให้ถึงกับอ่านแล้วไม่เข้าใจ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ การได้ 7 ไม่ยากเกินไปใช่มั้ยคะ จะเห็นว่าจาก comment ของ examiner นั้น คนที่ได้ 7 ก็ยังมีช่องว่างให้เขียนผิดได้ หรือการใช้คำศัพท์ก็ไม่ได้ยากเกินไป ดังนั้นพี่เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้แน่นอนค่ะ

สำหรับคนที่อยากจะได้ IELTS 7.0+ เพื่อไปยื่นคณะในฝัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อปริญาตรี โท หรือ เอก ทั้งในและต่างประเทศ และกำลังมองหาคอร์สเรียนที่เรียนครบจบทุก skill พี่ขอแนะนำหลักสูตร Expert for IELTS สำหรับน้องๆ ซึ่งจะเป็นการเรียนตั้งแต่ปรับพื้นฐานไปจนถึงการตะลุยโจทย์เพื่อให้ได้คะแนน 7.0+ กันไปเลยค่ะ ถ้าสนใจอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ –> https://interpass.in.th/package/expert-ielts/

EXPERT FOR IELTS

และใครที่อยากปรึกษาเรื่องการวางแผนการเรียนก็สามารถติดต่อพี่ๆทีมโค้ชได้ที่ Line: @InterPass (มี@ด้วยนะคะ) ยินดีให้คำปรึกษากับทุกคนค่ะ

แล้วพบกันใหม่กับบทความดีๆแบบนี้อีกนะคะ

บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ IELTS

___________________________

InterPass ที่ 1 ด้านอินเตอร์ ✈️⁣⁣สอบถามคอร์สเรียน

Inbox: m.me/interpassinstitute⁣⁣

Line: @InterPass

⁣⁣Tel: 089-9964256, 089-9923965

ACT vs SAT อันไหนยากกว่า ทำความรู้จักกับ Top University in the UK ในเครือ Russell Group

Date : Jan 22, 2021

You May Like