สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่อง ของการเขียนในข้อสอบ IELTS กันนะคะ ซึ่งหลายๆ คนพบว่าข้อสอบในส่วนนี้ค่อนข้างยากเพราะในหลักสูตรไทยเรานั้นไม่ค่อยมีการฝึกเขียนกันซักเท่าไหร่ สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่เคยเขียน หรือยังไม่เคยรู้ว่าลักษณะของข้อสอบเป็นอย่างไรก็อย่าเพิ่งรีบไปสมัครสอบนะคะ เพราะว่าการสอบ IELTS ในแต่ละครั้งนั้นค่อนข้างแพง พอสมควรทีเดียว
พี่มี 3 สิ่งหลัก ที่ต้องรู้ก่อนไปสอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเองและจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าสอบไปฟรีๆ ด้วยค่ะ

1. โครงสร้างข้อสอบ
น้องๆ ควรทราบว่า IELTS Writing แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยให้เวลา 60 นาที โดยที่ผู้สอบต้องเขียนให้ได้อย่างต่ำตามจำนวนคำที่กำหนดมาให้ (ถ้าเขียนไม่ครบจะถูกหักคะแนน) โดยผู้สอบจะได้รับข้อสอบพร้อมกันทั้งสองส่วน ดังนั้น จึงสามารถกำหนดเวลาที่เราจะใช้ในแต่ละส่วนได้เอง อย่างไรก็ตาม เขาก็มีแนะนำมานะคะว่าควรจะใช้เวลากี่นาทีในแต่ละส่วน
Task 1 (150 คำ/20 นาที) ข้อสอบจะให้ข้อมูลที่เป็นกราฟในรูปแบบต่างๆ มา และให้เราตีความกราฟนั้น และเขียนรายงานเพื่ออธิบาย ซึ่งข้อมูลจะมีหลายแบบได้แก่ bar graph, line graph, pie chart, table, map, และ diagram/flowchart ซึ่งการเขียนตอบคำถามส่วนนี้สิ่งที่สำคัญที่ต้องรู้คือห้ามใส่ความคิดเห็นตัวเองในส่วนนี้ เช่นถ้ากราฟแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการสูบบุหรี่ของพลเมืองประเทศหนึ่ง เราไม่ควรเขียนเกี่ยวกับข้อเสียของการสูบบุหรี่เป็นต้นค่ะ และนอกจากนั้นข้อมูลที่โจทย์ให้มาก็มักเป็นข้อมูลในอดีต เราก็ต้องใช้ tense ในการเขียนให้ถูกต้องด้วยนะคะ

Task 2 (250 คำ/40 นาที) จะเป็นการเขียนเรียงความ (essay) เพื่อตอบคำถามที่โจทย์ให้มา โดยโจทย์มีหลายประเภทเช่น agree/disagree, opinion, หรือ benefit-drawback เป็นต้นค่ะ ซึ่งสิ่งที่สำคัญในการเขียนคือทุกสิ่งที่เราเขียนไปนั้นจะต้องมีเหตุผลมารองรับ เช่น ถ้าเขียนว่าเห็นด้วยกับการให้การศึกษาฟรี ประเทศจะได้พัฒนา เราก็ต้องเขียนให้เหตุผลที่น่าเชื่อถือว่าทำไมเราถึงเห็นด้วยด้วยนะคะ
สำหรับคนที่อยากจะลองทำข้อสอบ IELTS Writing Task 2 ให้ได้ 7+ ไปพร้อมๆ กับพี่แบบละเอียด คลิ๊กได้ที่นี่เลยค่ะ –> เทคนิคลับเขียน IELTS Writing Task 2 ให้ได้ 7 up

2. เกณฑ์การให้คะแนน
หลักการให้คะแนน IELTS จะมีคะแนนสูงสุด คือ band 9 โดยการคิดคะแนนจะแยกคิดในแต่ละ task และคะแนน task 2 จะคิดเป็น 2 เท่าของ task 1 เช่น ถ้าได้คะแนน ดังนี้
- Task 1 = 6
- Task 2 = 8
คะแนนรวมจะเป็น 6 + 8 + 8/3 = 22/3 หรือประมาณ band 7.5 นั่นเอง ทั้งนี้คะแนนที่ได้เป็นคะแนนคร่าวๆ เท่านั้นนะคะ
นอกจากนี้ Cambridge Assessments ยังมีข้อกำหนดมาตรฐานการให้คะแนนหรือที่เรียกว่า Rubric ไว้เป็น 4 ส่วน ได้แก่ Task achievement, Coherence and cohesion, Lexical resource และ Grammar range and accuracy
ซึ่งใน Task 1 และ 2 ก็จะมีรายละเอียดยิบย่อยในแต่ละหัวข้อแตกต่างกันค่ะ แต่พูดโดยรวมคือ
- Task Achievement: ตอบคำถามให้ครบถ้วนตามที่โจทย์ถาม โดยมีเหตุผลสนับสนุนเพียงพอ จำนวนคำไม่น้อยกว่าที่กำหนด
- Coherence and cohesion: มีความสอดคล้องต่อเนื่องในการเขียน เช่น การใช้คำ transition words ต่างๆ หรือการวางตำแหน่งของการเขียนให้ต่อเนื่องในแต่ละย่อหน้า เป็นต้น
- Lexical Resource: วัดความสามารถในการใช้คำศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขียน และ ใช้ได้อย่างถูกต้อง
- Grammar Range and Accuracy: วัดการใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษทั้งในเรื่องของความหลากหลายของการใช้ และความถูกต้อง
สำหรับคนที่อยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถคลิ๊กเข้าไปได้ตามนี้เลยค่ะ
Task 1 Rubric –> https://www.ielts.org/-/media/pdfs/writing-band-descriptors-task-1.ashx?la=e
Task 2 Rubric –> https://www.ielts.org/-/media/pdfs/writing-band-descriptors-task-2.ashx?la=e
3. การแบ่งเวลาในห้องสอบ
เรื่องที่สำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องอื่นๆ เลยก็การแบ่งเวลาในห้องสอบ เพราะหลายๆ คนมักทำไม่ทัน เทคนิคที่ควรทำเลยก็คือควรทำ Task 2 ก่อน เพราะคะแนนเยอะกว่านั่นเองค่ะ แต่ก็ต้องระวังให้ดี เพราะหลายๆ คนเผลอทำ Task 2 จนหมดเวลาเลยก็มีนะคะ
นอกจากนั้น การแบ่งเวลาในแต่ละ Task เองก็สำคัญ หลายคนพอเจอโจทย์ก็เริ่มเขียนเลยทันทีโดยไม่วางแผนก่อน อันที่จริงแล้วเราควรแบ่งเวลาออกเป็น 3 ส่วนนะคะ นั่นคือการวางแผนก่อนว่าเราจะเขียนอะไร ต่อจากนั้นค่อยเริ่มเขียนโดยเขียนตามแผนที่วางเอาไว้ เมื่อเขียนเสร็จก็ทบทวนสิ่งที่เขียนไปว่าตอบตรงคำถาม และครบทั้งหมดที่เขาถามมาหรือไม่ และอย่าลืมตรวจ grammar และ flow ของการเขียนของเราตามหลักของ rubric ด้วยนะคะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเริ่มการเขียน IELTS Writing ได้อย่างถูกต้องนะคะ สำหรับคนที่อยากเตรียมตัวเพิ่มเติมในเรื่องการเขียน และที่สำคัญอยากมีคนช่วยตรวจงานเขียนของเราอย่างไม่จำกัดจำนวน ลองดูรายละเอียดคอร์ส IELTS ของ InterPass ได้เลยนะคะ –> https://interpass.in.th/course_category/ielts-international-program/
คอร์สนี้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน และยังมี service ต่างๆ ที่นักเรียนของเราสามารถใช้บริการได้ฟรี นอกเหนือจากการเรียนอีกหลายอย่างเลยนะคะ ที่เด่นๆ ก็จะมี
- การตรวจการบ้าน Writing และ Speaking แบบไม่จำกัดจำนวน โดยอาจารย์เจ้าของภาษา
- การตรวจ SOP ให้ฟรีสำหรับน้องๆนักเรียน IELTS ของ InterPass ทุกคน
- เรียนซ้ำได้ไม่จำกัด ทุกที่ทุกเวลา ตลอดระยะเวลาการเป็นนักเรียนของเรา
- Simulation Test InterPass จัดสอบข้อสอบเสมือนจริงปีละ 4 รอบ เพื่อช่วยทุกคนประหยัดค่าสอบค่ะ

วันนี้ต้องลาไปก่อน ขอให้ทุกคนโชคดี ได้คะแนน IETLS ตามที่หวังกันไว้ ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยในฝันกันทุกคนนะคะ
สนใจสอบถามคอร์สไม่ว่าจะเป็น IELTS หรืออื่นๆ คลิ๊กไปที่นี่เลยค่ะ –> https://www.facebook.com/interpassinstitute/inbox/
บทความที่น่าสนใจอื่นๆเกี่ยวกับการสอบ IELTS –> https://interpass.in.th/blog/ielts/