การสอบ IELTS ไม่ได้วัดแค่ทักษะภาษาอังกฤษทั่วไป แต่ยังเน้นการสื่อสารที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในส่วนของ IELTS Writing ที่เป็นส่วนที่หลายคนมองว่ายากที่สุด หากเป้าหมายของน้องๆ คือการได้ Band 7+ สำหรับการเขียน บทความนี้จะช่วยเจาะลึกถึง เคล็ดลับ และ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมแนะนำวิธีเลือกที่เรียน IELTS ที่เหมาะสมที่สุด
IELTS Writing Tips ที่ต้องรู้ถ้าอยากได้ Band 7+
การจะทำคะแนนในส่วน Writing ให้ได้ตามเป้าหมาย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดการเวลา การวางแผนในการเขียนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเคล็ดลับสำคัญที่ควรรู้ ได้แก่การวางแผนการเขียนอย่างเป็นระบบ เทคนิคการจัดโครงสร้าง Paragraph ให้ชัดเจน การตอบคำถามให้ตรงโจทย์ (Task Response) และความสำคัญของการเชื่อมโยงไอเดียและเนื้อหาอย่างต่อเนื่องแต่เพียงเท่านี้อาจจะยังไม่ทำให้น้อง ๆ เห็นภาพ เรามาเจาะลึกแต่ละเกณฑ์กันดีกว่าค่ะ
เกณฑ์ที่จะทำให้เราได้ IELTS Writing Band 7+ มีอะไรบ้าง?
มาเจาะลึกกันว่าคนที่จะได้ IELTS Writing Band 7+ มี Model answer IELTS writing task 1 อย่างไรบ้าง?
1.Task Achievement
สิ่งสำคัญของเกณฑ์นี้คือคำตอบจะต้องครอบคลุมโจทย์ทั้งหมด, เนื้อหามีความเกี่ยวข้องและถูกต้อง และมีรูปแบบการเขียนที่เหมาะสม
ในข้อสอบ IELTS Academic การตอบควรเลือกประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล และเขียนออกมาอย่างครบถ้วนและชัดเจน อย่างไรก็ตาม อาจมีบางส่วนที่ยังสามารถเพิ่มเติมรายละเอียดหรือขยายความให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้ นอกจากนี้ ควรจัดลำดับข้อมูลให้เป็นระบบ พร้อมเรียบเรียงเนื้อหาให้เหมาะสม สื่อสารภาพรวมของข้อมูลที่ชัดเจน โดยเน้นการระบุแนวโน้มหรือความแตกต่างสำคัญให้โดดเด่นและเข้าใจง่าย
ตัวอย่างการตอบสำหรับข้อเขียนในข้อสอบ IELTS Academic
หากโจทย์เป็นการเปรียบเทียบข้อมูลในกราฟ เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ควรเริ่มต้นด้วยการอธิบายภาพรวมของกราฟ ระบุแนวโน้มสำคัญ เช่น ประเทศที่มีการเติบโตสูงสุดหรือต่ำสุด จากนั้นจึงลงรายละเอียดในประเด็นสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราการเติบโตในแต่ละปี พร้อมยกตัวอย่างข้อมูลสนับสนุน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการวิเคราะห์ที่ชัดเจนและครบถ้วนตามความต้องการของโจทย์
สำหรับข้อสอบ IELTS General Training
การเขียนควรที่จะครอบคลุมทุกประเด็นที่โจทย์กำหนดได้อย่างครบถ้วนและชัดเจน แม้อาจมีบางส่วนที่สามารถขยายความหรืออธิบายเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้ และแสดงจุดประสงค์ได้ชัดเจน โทนภาษาเหมาะสมกับเนื้อหาและโจทย์ อาจมีข้อผิดพลาด จุดผิดที่พบมีเพียงเล็กน้อยและไม่กระทบต่อความเข้าใจโดยรวม
ตัวอย่างการเขียนสำหรับข้อสอบ General Training
ในข้อสอบ IELTS General Training การเขียนต้องตอบทุกประเด็นที่โจทย์กำหนดไว้อย่างครบถ้วนและชัดเจน โดยเนื้อหาควรสื่อถึงจุดประสงค์หลักของการเขียน เช่น การขอข้อมูล การแสดงความขอบคุณ หรือการร้องเรียน และควรใช้โทนภาษาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น ทางการหรือกึ่งทางการ หากเนื้อหามีจุดที่สามารถขยายความหรืออธิบายเพิ่มเติมได้ ก็ควรเสริมให้ครบถ้วนขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีข้อผิดพลาดในไวยากรณ์หรือการเลือกใช้คำศัพท์อาจเกิดขึ้นได้แต่ไม่ควรกระทบต่อความเข้าใจโดยรวม
2.Coherence and Cohesion
มีการจัดลำดับข้อมูลและแนวคิดอย่างมีเหตุผลและแสดงถึงความต่อเนื่องตลอดการเขียน ส่วนการใช้คำเชื่อมก็มีการใช้ที่หลากหลายรูปแบบ เช่น การอ้างอิง (references) และการใช้คำแทน (substitution) แต่อาจจะมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เช่นใช้มากเกินไปหรือน้อยเกินไป
3.Lexical Resource
การใช้คำศัพท์มีความหลากหลายและสะกดได้ถูกต้อง มีการใช้คำที่ Advanced หรือมีสำนวนภาษาที่ดี แม้จะมีข้อผิดพลาดหรือการเลือกใช้คำไม่เหมาะสม การสะกดในบางจุด แต่ต้องไม่กระทบต่อความชัดเจนของเนื้อหาโดยรวม
4.Grammatical Range and Accuracy
มีการใช้โครงสร้างประโยคที่ซับซ้อนหลากหลาย การใช้เครื่องหมายและการเว้นวรรคถูกต้อง โดยรวมถือว่าไม่มีข้อผิดพลาด แม้จะมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์บางจุด แต่ข้อผิดพลาดเหล่านี้ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสาร และยังคงสามารถถ่ายทอดข้อความได้อย่างชัดเจน
สำหรับผู้ที่ได้ Band 8
- ความสมบูรณ์แบบในการเขียน: คำตอบต้องครอบคลุมทุกความต้องการของโจทย์อย่างเหมาะสม เนื้อหามีความเกี่ยวข้องและชัดเจน พร้อมทั้งยกตัวอย่างหรือข้อมูลประกอบที่เหมาะสม
- การเชื่อมโยงและลำดับความคิด: ข้อมูลและแนวคิดต้องเรียบเรียงอย่างมีเหตุผล อ่านแล้วติดตามได้ง่าย ใช้คำเชื่อมและย่อหน้าได้อย่างเหมาะสม
- การใช้คำศัพท์: ต้องมีคลังคำศัพท์ที่หลากหลายและเพียงพอสำหรับการสื่อสารที่ชัดเจน ใช้คำศัพท์ขั้นสูง (Advanced Vocabulary) และสำนวนภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ความถูกต้องของภาษา: อาจมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยในเรื่องการสะกดหรือการใช้คำ แต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อความเข้าใจ
- ไวยากรณ์และโครงสร้างประโยค: ใช้โครงสร้างประโยคที่หลากหลายและซับซ้อนอย่างถูกต้อง ประโยคส่วนใหญ่ไม่มีข้อผิดพลาด และมีการจัดการเครื่องหมายวรรคตอนได้ดี
สำหรับผู้ที่ได้ Band 9
- ความสมบูรณ์แบบในการเขียน: คำตอบต้องครอบคลุมความต้องการของโจทย์อย่างสมบูรณ์แบบ เนื้อหาและข้อมูลเกี่ยวข้อง ชัดเจน และมีความลึกซึ้ง
- การลำดับและการเชื่อมโยงที่ไร้ที่ติ: เนื้อหาเชื่อมโยงอย่างลื่นไหล ทุกส่วนสอดคล้องกัน และย่อหน้าถูกจัดวางอย่างเหมาะสม
- การใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ยอดเยี่ยม: ใช้คำศัพท์และสำนวนขั้นสูงได้อย่างเป็นธรรมชาติและแม่นยำ มีความยืดหยุ่นในการเลือกคำและใช้ภาษาได้อย่างชาญฉลาด
- ความผิดพลาดเล็กน้อย: ข้อผิดพลาดในไวยากรณ์หรือการสะกดเกิดขึ้นน้อยมาก และไม่ส่งผลต่อความเข้าใจ
- ความเป็นมืออาชีพในการเขียน: ทุกประโยคและย่อหน้าได้รับการจัดการอย่างสมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าแทบไม่มีจุดบกพร่องเลย
หากต้องการ Band 8 หรือ Band 9 ใน IELTS Writing การเขียนในระดับนี้ต้องให้ความสำคัญกับ ความแม่นยำ และ ความสมบูรณ์แบบ ในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการตอบโจทย์ให้ครบถ้วน การเลือกใช้คำศัพท์ที่เหมาะสม หรือการลำดับความคิดอย่างเป็นระบบ น้อง ๆ จะต้องแสดงศักยภาพในการใช้ภาษาอังกฤษในระดับสูง ไม่เพียงแค่ตอบคำถามได้ถูกต้อง แต่ยังต้องมีความลื่นไหลและความเป็นธรรมชาติในเนื้อหา
สิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนสูง คือ ประสบการณ์ในการอ่านและเขียน เพราะการอ่านเนื้อหาที่หลากหลายช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์และพัฒนาทักษะในการเชื่อมโยงข้อมูล ในขณะที่การฝึกเขียนอย่างต่อเนื่องช่วยเสริมสร้างความชัดเจนและความมั่นใจในการถ่ายทอดความคิด
ผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านนี้จะได้เปรียบ เพราะเขาสามารถแสดงความเชี่ยวชาญด้านการใช้ภาษาอังกฤษผ่านโครงสร้างประโยคที่หลากหลาย การใช้คำศัพท์ขั้นสูง และการจัดการเนื้อหาให้โดดเด่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการได้ Band 8 หรือ Band 9 ในข้อสอบ IELTS Writing
สำหรับ Writing Task 2 คนที่ได้ IELTS Writing Band 7++ ก็จะมีเกณฑ์ที่เหมือนกับWriting Task 1 แตกต่างกันตรงที่ Writing Task 2 จะต้องมีคำตอบควรจะเสนอจุดยืนที่ชัดเจน และมีการขยายหรือสนับสนุนแนวคิดหลักได้เป็นอย่างดี ทั้งจากการใช้คำศัพท์ ไวยากรณ์ เหตุผลประกอบ
สำหรับ Writing Task 2 ใน IELTS
ผู้ที่ได้ Band 7++ จะต้องแสดงให้เห็นถึงการตอบโจทย์อย่างครบถ้วนและมีความแม่นยำในทุกส่วน ซึ่งเกณฑ์สำหรับ Writing Task 2 จะมีความคล้ายคลึงกับ Writing Task 1 แต่จะมีความแตกต่างในบางจุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดใน Writing Task 2 คือการนำเสนอจุดยืนที่ชัดเจน และการขยายหรือสนับสนุนแนวคิดหลักได้อย่างมีเหตุผลและชัดเจน โดยการใช้ คำศัพท์ ที่เหมาะสมและ ไวยากรณ์ ที่ถูกต้อง รวมถึงการใช้ เหตุผลประกอบ ที่มีความแข็งแรงและสามารถอธิบายหรือยืนยันจุดยืนของผู้เขียนได้อย่างมั่นใจ
- การเสนอจุดยืนที่ชัดเจน: ผู้เขียนจะต้องแสดงความเห็นที่ชัดเจนในประเด็นที่โจทย์ให้มา และต้องยืนหยัดในความคิดเห็นของตนตลอดการเขียน
- การสนับสนุนแนวคิดหลัก: แนวคิดที่เลือกจะต้องได้รับการขยายความอย่างดี เช่น การยกตัวอย่าง การอธิบายเหตุผล หรือการใช้ข้อเท็จจริงที่เหมาะสมเพื่อยืนยันความคิดเห็น
- การใช้คำศัพท์และไวยากรณ์: การเลือกใช้คำศัพท์ที่หลากหลายและเหมาะสมจะช่วยทำให้ข้อความดูเป็นธรรมชาติและมีความชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้องและหลากหลายยังช่วยเพิ่มคุณภาพของการเขียนให้ดูมีความชำนาญและยกระดับการสื่อสาร
สรุป Do Vs Don’t ในการทำข้อสอบ IELTS writing ที่จะรู้เมื่อเรียนคอร์ส IELTS

Do Vs Don’t สำหรับการสอบ IELTS Writing General – Task 1
Do:
- ตอบทุกข้อที่มีในคำถามอย่างครบถ้วน เช่น “คำถามถามว่าสิ่งนี้จะมีผลต่อครอบครัวและชุมชนอย่างไร?” ในกรณีนี้ต้องตอบผลกระทบถึงทั้งครอบครัวและชุมชน
- ระบุจุดประสงค์ของจดหมายตั้งแต่ต้น
- เขียนในรูปแบบย่อหน้า (Paragraphs)
Don’t:
- ลืมเขียนจุด Full stop
- ใช้การเลือกใช้คำศัพท์ที่ไม่ถูกต้องในการเขียน เช่น การใช้คำศัพท์ที่เป็นทางการเกินไปกับเพื่อน หรือพูดจาเป็นกันเองเกินไปในจดหมายทางการ หรือใช้ถ้อยคำก้าวร้าวในจดหมายร้องเรียน หรือแสดงออกไม่สุภาพในการขอร้อง
Do Vs Don’t สำหรับการสอบ IELTS Writing Academic – Task 1
Do:
- แบ่งย่อหน้าให้ชัดเจน
- เขียนข้อมูลให้เพียงพอ เช่น ทำการเปรียบเทียบและแสดงความแตกต่างของข้อมูล
- ใช้คำเชื่อมเพื่อเชื่อมโยงย่อหน้าและแนวคิดในแต่ละย่อหน้า
- ใส่การสรุปภาพรวม (overview) ในคำถามที่เกี่ยวกับกระบวนการและแผนที่
- ตรวจสอบการใช้ Tense และใช้กริยาให้ถูกต้อง
- รวมคุณลักษณะสำคัญจากแผนภาพทั้งหมด หากไม่ใส่อาจจะทำให้คะแนนลดลงได้
Don’t:
- ใช้คำศัพท์ที่ให้ในคำถามมากเกินไป
- อธิบายแต่ละส่วนทีละบรรทัด – ควรทำการเปรียบเทียบและแสดงความแตกต่าง
- ใส่ข้อมูลหรือจำนวนในการเขียนอธิบายภาพรวม – ควรพูดถึง แนวโน้มหลัก โดยไม่เจาะจงถึง ข้อมูลตัวเลข หรือ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งข้อมูลรายละเอียดควรจะไปอยู่ในย่อหน้าหลักที่เปรียบเทียบและอธิบายข้อมูลเชิงลึกมากกว่า
- ตัวอย่างที่ไม่ควรทำ: “The number of people using train services increased from 200,000 in 2010 to 300,000 in 2020, representing a 50% rise, especially between 2015-2018 when the increase was rapid.”
- ตัวอย่างที่ถูกต้อง: “Overall, train service usage showed a steady upward trend over the decade, with a particularly rapid increase observed between 2015 and 2018.”
- ใช้เวลามากเกินไปกับการเขียนอธิบายข้อมูลที่ไม่สำคัญ
Do Vs Don’t สำหรับการสอบ IELTS Writing Task 2
Do:
- ตอบทุกส่วนของคำถาม
- ระบุความเห็นของตัวเองอย่างชัดเจน
- ใช้ย่อหน้า – ถ้าไม่ใช้จะทำให้คะแนนลดลง
- มีประโยคหัวข้อ (Topic sentence) ที่ชัด
- เจนเวลาเริ่มต้นย่อหน้าหลัก
- จัดระเบียบย่อหน้าให้ชัดเจน โดยแยกย่อหน้าให้เห็นได้ง่ายว่าคุณจัดเรียงคำตอบอย่างไร
- ใช้ตัวอย่างเพื่อสนับสนุนการโต้แย้ง
- ใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างเหมาะสมและถูกต้องในประโยค เช่น จุด (.) , อัญประกาศ (“..”), และจุลภาค(,)
Don’t:
- ไม่ควรแค่แสดงข้อคิดเห็นที่มีแค่ในย่อหน้าหลัก แต่ควรพยายาม พัฒนาความคิดหนึ่งให้ลึกซึ้งและสมบูรณ์ โดยการขยายความคิดเห็นนั้นให้ละเอียดขึ้น ใช้เหตุผลที่ชัดเจน และสนับสนุนความคิดของด้วยตัวอย่างหรือหลักฐานต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสามารถ พัฒนาและขยายการอภิปราย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้คะแนนสูงขึ้น เนื่องจากมันแสดงถึงความสามารถในการนำเสนอความคิดเห็นและการอภิปรายในเชิงลึก ไม่ใช่แค่ผิวเผิน
- ตัวอย่างที่ไม่ควรทำ: “The government should provide free education. This would help many people.”
- ตัวอย่างที่ถูกต้อง: “The government should provide free education because it ensures that everyone, regardless of their background, has access to quality learning. This would particularly help low-income families, who may otherwise not be able to afford education. Additionally, free education can contribute to a more educated workforce, which benefits the economy in the long term.”
- ใช้หัวข้อหรือเครื่องหมายบูลเล็ต – หากใช้จะทำให้คะแนนลดลง
- ใช้คำศัพท์ซ้ำ ๆ – ควรใช้คำที่อ้างอิง (เช่น มัน, นั้น, พวกเขา ฯลฯ)
- เขียนในประโยคสั้น ๆ – การใช้ประโยคที่ซับซ้อนจะช่วยให้ได้คะแนนที่สูงขึ้น
- ใช้สถิติที่คิดขึ้นเองในตัวอย่าง
- มีย่อหน้าที่มีแค่ประโยคเดียว ย่อหน้าควรมีอย่างน้อย 2 ประโยค
- เริ่มต้นทุกประโยคด้วยเครื่องหมายเชื่อม (เช่น ยิ่งไปกว่านั้น, นอกจากนี้, ตัวอย่างเช่น ฯลฯ) หากใช้มากเกินไปจะทำให้คะแนนลดลง
ตัวอย่าง Model Answer ที่ได้ Band 7+ สำหรับ IELTS Writing Task 1
คำถาม:
The chart below shows the percentage of households in different income groups in one country that had internet access between 2001 and 2011.
Model Answer:
The bar chart illustrates the proportion of households in various income groups that had internet access in a specific country over a period of ten years, from 2001 to 2011.
Overall, it is clear that internet access increased in all income groups during the given period, with the highest rise seen in the high-income group. Furthermore, while internet access was most prevalent among high-income households, it was least common in low-income households.
In 2001, the percentage of internet access among low-income households stood at around 10%, which was significantly lower than that of the middle-income and high-income groups, which were approximately 25% and 40%, respectively. Over the next decade, internet access in low-income households increased gradually, reaching 30% by 2011.
In contrast, the proportion of high-income households with internet access saw the most significant rise, from 40% in 2001 to 90% in 2011. This reflects the fact that high-income households were able to afford the necessary technology and internet services more readily than those in other income brackets.
Middle-income households experienced a steady increase, with internet access rising from 25% in 2001 to 60% in 2011. This indicates a general trend towards increased internet penetration across the population, though it remained behind both high-income and low-income groups by the end of the period.
To summarize, while internet access grew in all income groups, the highest increase was observed among high-income households, followed by middle-income and low-income households, respectively.
เหตุผลที่ได้ Band 7+:
Task Achievement:
คำตอบตอบโจทย์ทั้งหมดของคำถาม โดยอธิบายข้อมูลที่สำคัญและเปรียบเทียบข้อมูลอย่างชัดเจน
การสรุปภาพรวมทำได้ดี โดยไม่ลงรายละเอียดตัวเลขหรือข้อมูลที่ไม่จำเป็น
Coherence and Cohesion:
การเรียบเรียงข้อมูลและการเขียนมีเหตุผล และเชื่อมโยงกันอย่างดีผ่านการใช้คำเชื่อม (e.g., “overall,” “in contrast,” “to summarize”)
การแบ่งย่อหน้าเหมาะสม ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย
Lexical Resource:
ใช้คำศัพท์ที่หลากหลายและเหมาะสม เช่น “proportion,” “prevalent,” “penetration,” “reflects,” และ “afford”
คำที่ใช้มีความแม่นยำและเหมาะสมกับบริบท
Grammatical Range and Accuracy:
ใช้ไวยากรณ์ที่หลากหลายและถูกต้อง เช่น “saw the most significant rise,” “stood at,” และ “reaching”
ประโยคส่วนใหญ่ไม่มีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือการใช้เครื่องหมายวรรคตอน
ติว IELTS ที่ไหนดี? พร้อมแนะนำคอร์สเรียน IELTS ที่ Interpass
แน่นอนว่าในการสอบ IELTS ค่าสอบค่อนข้างสูง ดังนั้นน้อง ๆ จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบ และถ้าหากน้อง ๆ กำลังมองหาคอร์สเรียน IELTS ที่มีคุณภาพและเหมาะสำหรับการเตรียมตัวสอบ ขอแนะนำคอร์สเรียนที่ Interpass ด้วยคอร์สเรียนที่หลากหลายและครบถ้วนที่จะช่วยให้น้อง ๆเตรียมตัวสอบ IELTS ได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่พื้นฐานถึงตะลุยโจทย์
Writing for IELTS
สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมทักษะการเขียน Writing for IELTS จะเน้นการฝึกเฉพาะ Part Writing ช่วยให้น้อง ๆ พัฒนาทักษะการเขียนให้แม่นยำมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับคะแนนในส่วนนี้โดยเฉพาะ
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เทคนิคการทำข้อสอบ การพัฒนาความมั่นใจ หรือการทำความเข้าใจกับรูปแบบข้อสอบที่ ติวเตอร์ Interpass สอน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รุ่นพี่ที่เรียนคอร์ส IELTS กับ Interpass สามารถทำคะแนนได้สูงตามเป้าหมาย หากน้อง ๆ คนไหนต้องการ ก็สามารถติดต่อ Interpass เพื่อขอคำแนะนำและทดลองเรียนได้ที่นี่