การสอบ SAT เป็นอีกหนึ่งข้อสอบที่ใช้วัดความรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในกลุ่มคณะภาคอินเตอร์
ข้อสอบ SAT ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ SAT Reasoning Test และ SAT Subject Test
สำหรับ SAT Reasoning Test ประกอบไปด้วยข้อสอบ 3 ส่วน มีคะแนนเต็ม 2,400 คะแนน ดังนี้
- Critical Reading การอ่านเชิงวิเคราะห์ คะแนนเต็ม 800 คะแนน
- Mathematics คณิตศาสตร์ คะแนนเต็ม 800 คะแนน
- Writing การเขียน ทั้งแบบเลือกคำตอบและเขียนเรียงความ คะแนนเต็ม 800 คะแนน
วันนี้พี่ๆ InterPass มีหนังสือนอกเวลาที่จะช่วยอัพคะแนนในพาร์ท Critical Reading มาแนะนำกันค่ะ รับรองว่านอกจากสนุกแล้วยังได้รับความรู้เพิ่มอีกด้วย
เวลาที่เราจะอ่านหนังสือนอกเวลา เราควรจะอ่าน
- หนังสือที่หาอ่านไม่ได้ทั่วไป
- หนังสือที่ซับซ้อน สามารถนำไปขบคิดต่อ
- ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยการอ่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
Literature
1. Classic

1. Tom Jones by Henry Fielding
วรรณกรรมเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1749 และกลายเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับผู้เขียน Henry Fielding เกี่ยวกับ ถือเป็นงานเขียนชิ้นแรกๆ ที่ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่นวนิยาย ภาษาเขียนจึงค่อนข้างอ่านยากเพราะเป็นแนวคลาสสิค
2. Don Quixote by Miguel de Cervantes
วรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก โดยนักเขียนชาวสเปน Miguel de Cervantes เป็นนิยายเสียดสีล้อเลียนชีวิตอัศวิน เนื้อเรื่องเล่าถึงชายหนุ่มที่ทำทุกวิถีทางแม้แต่ยอมขายที่ดินเพื่อจะได้อ่านนิยายที่ตัวเองชื่นชอบ
3. Vanity Fair by William Thackeray
หนังสือนวนิยายนอกเวลาเล่มนี้ แต่งขึ้นโดย William Thackeray ซึ่งได้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนังสือ 1001 Books You Must Read Before You Die เนื้อหาเรื่องราวเสียดสีสังคมที่จะให้แง่คิดน้องๆ ในการใช้ชีวิต
4. Pickwick Papers by Charles Dickens
สำหรับนวนิยายเรื่องนี้ถือเป็นเล่มแรกในชีวิตของ Charles Dickens นักเขียนมือทองแห่งยุควิกตอเรียที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สะท้อนความจริงของสังคมในสมัยนั้น
2. Modern

1. The End of the Affair by Graham Greene
ถูกแต่งโดยนักเขียนนิยายอังกฤษชื่อดัง Graham Greene ด้วยความที่เขาเป็นคาทอลิก เนื้อหาข้างในหนังสือจึงเกี่ยวข้องกับพระเจ้า ศาสนาคริสต์และความรัก นอกจากนี้ The End of the Affair ได้ถูกสร้างมาเป็นหนังถึงสองครั้ง ครั้งแรกปี 1955 และครั้งที่สองปี 1999
2. The Power and the Glory by Graham Greene
เป็นอีกเรื่องที่แต่งโดยนักเขียนอังกฤษคาทอลิก Graham Greene โดยได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาภายใต้ชื่อ The Labyrinthine Ways เล่าเรื่องพระคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ในประเทศเม็กซิโกต้องคอยหนีจากการตามล่าของตำรวจ ท้ายเรื่องให้แง่คิดเกี่ยวกับความเชื่อ
3. The Quiet American by Graham Greene
งานนวนิยายของนักเขียน Graham Greene อีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับความนิยมถึงขั้นถูกนำมาสร้างเป็นบทละครภาพยนตร์ เกี่ยวกับเรื่องราวความขัดแย้งทางการเมืองช่วงปี 1950 ของนครไซง่อน แฝงด้วยความรักสามเส้าระหว่างสาวชาวเวียดนาม, นักอุดมการณ์ชาวอเมริกัน และนักหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษ

4. The Portrait of a Lady by Henry James
นักเขียน Henry James ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านวรรณกรรมซึ่งมักเขียนเกี่ยวกับทัศนะของผู้หญิงและความรัก รวมถึงการสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับสังคมในยุคสมัยนั้นที่สะท้อนมาถึงยุคสมัยนี้อีกด้วย
5. The Wings of the Dove by Henry James
ผลงานของนักเขียน Henry James เป็นวรรณกรรมอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การอ่าน เพราะเนื้อหาสะท้อนภาพสังคมเมืองที่ผู้คนต่างให้ค่ากับเงินตรามากกว่าคุณค่ามนุษย์ เรื่องราวมีความซับซ้อนและชวนให้ขบคิดต่อได้
History

1. The World from the Twenties to the Nineties by Paul Johnson
วรรณกรรมเรื่องนี้เขียนโดย Paul Johnson ในปี 1983 เนื้อหาข้างในเขียนเล่าถึงประวัติศาสตร์ของโลกเรา ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุดแห่งปีโดยสำนักพิมพ์ The New York Times
2. A History of Europe by J.M. Roberts
หนังสืออีกเรื่องที่เป็นแนวประวัติศาสตร์ ที่เขียนถึงจุดเปลี่ยนและการพัฒนาของยุโรปตั้งแต่อดีตถึงศตวรรษที่ 20 จนถึงยุคหลังสงครามโลก น้องๆ ที่ได้ลองอ่านเล่มนี้ นอกจากจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของโลก ยังได้แนวคิดการมองโลกแบบตะวันตก
Vocabulary Improvement
1. Word Power Made Easy by Norman Lewis
หนังสือเก่าแก่ที่เขียนโดย Norman Lewis ที่จะช่วยให้น้องได้เรียนรู้การสร้างคำในภาษาอังกฤษ รวมถึงรากศัพท์ต่างๆ รับรองว่าถ้าน้องคนไหนอ่านเล่มนี้ จะได้คำศัพท์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จำไปใช้ในข้อสอบได้แน่นอน
_________________________________________
InterPass ที่ 1 ด้านอินเตอร์ ✈
สอบถามคอร์สเรียน Inbox : m.me/interpassinstitute
Tel:089-9964256, 089-9923965
Line: https://lin.ee/jEaOone (@InterPass)