BLOG

    Home Blog Highlight ต้องใช้เวลาในเตรียมตัวสอบ IELTS กี่เดือน? เพื่อให้ได้ Overall Band 7.5 โดย ครูพี่กิ๊บ Oxford

ต้องใช้เวลาในเตรียมตัวสอบ IELTS กี่เดือน? เพื่อให้ได้ Overall Band 7.5 โดย ครูพี่กิ๊บ Oxford

เตรียมตัวสอบ IELTS อย่างไร?

สำหรับการสอบ IELTS หรือการสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ที่มีระบบการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้คะแนนสูงๆ เพื่อที่จะส่งเราไปยังมหาวิทยาลัยในฝันหรือ Dream School ของเรา นอกจากนั้น หลายคนก็ยังมีความกังวัลเรื่องการเตรียมตัวในการสอบ IELTS ว่าต้องใช้ระยะเวลากี่เดือน เพื่อให้ได้คะแนนตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งในบทความนี้ครูพี่กิ๊บก็มีคำแนะนำมาแชร์เพื่อให้น้องๆ ได้จัดสรรเวลาในการเตรียมตัว และยังมีเคล็ดลับในการสอบ IELTS อย่างไรให้ได้คะแนน Overall Band 7.5 อีกด้วย

สอบ ielts เตรียมตัวกี่เดือน

เตรียมสอบ IELTS ต้องใช้เวลาในการเตรียมสอบกี่เดือน?

เชื่อว่าหลายคนที่กำลังวางแผนจะสอบ IELTS อาจมีคำถามว่าในการเตรียมตัวสอบ IELTS ต้องใช้เวลากี่เดือน? ซึ่งคำถามนี้ต้องบอกก่อนว่าในการเตรียมตัวก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในระดับภาษาของน้องๆ แต่ละคน หากน้องๆ ที่มีความรู้ความเข้าใจในภาษาอังกฤษและพื้นฐานแน่นก็อาจใช้เวลาไม่นานประมาณ 1 เดือนหรือน้อยกว่า  แต่สำหรับคนที่ยังงูๆ ปลาๆ ถ้าตั้งใจเตรียมตัวจริงๆ ไม่เกิน 3-4 เดือนก็สอบได้ เดี๋ยวเราลองมาดูตัวอย่างกันว่าในแต่ละเดือนสามารถเตรียมตัวได้อย่างไรบ้าง โดยอิงจากแผนการ 4 เดือนกันค่ะ

เดือนที่ 1 – ทบทวน ปรับพื้นฐาน

การทบทวนและปรับพื้นฐานนั้น ไม่ได้สำคัญแค่คนที่ไม่เก่งภาษาอย่างเดียวนะคะ แต่คนที่เก่งอยู่แล้วการเริ่มต้นจากพื้นฐานแบบ Passthrough จะช่วยให้เรารู้ว่าต้องใช้เวลาอ่านส่วนไหนเป็นพิเศษเหมือนกัน โดยพี่แนะนำให้ไล่ทบทวนตั้งแต่  Parts of Speech (Noun, Pronoun, Verb, Adjective, Adverb, Preposition, Conjunction), Subject-Verb Agreement, Verb-Tense, Voice, Sentence Structure (Simple, Compound, Complex), Conditional Sentence ไปเลย เพื่อตามเช็คว่าตัวเองตกหล่นเรื่องไหนไปบ้าง เพราะความแม่นยำทางแกรมม่าร์จะช่วยเพิ่มคะแนนให้กับทั้ง 4 พาร์ทของ IELTS โดยในเดือนแรกนี้น้องๆ สามารถซื้อหนังสือเพื่อฝึกทำโจทย์พื้นฐานภาษาอังกฤษก่อน 

โดยทางเราแนะนำเป็น  หนังสือ The Fourth Edition Cambridge English Grammar Book ที่จะมีให้เลือกตั้งแต่ระดับ English Grammar In Use, Essential, Advanced และยังมีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่นภาษาไทยและภาษาอังกฤษค่ะ

เดือนที่ 2 – ฝึกใช้จริง

เมื่อปูพื้นฐานภาษาอังกฤษแน่นแล้ว เราก็จะโฟกัสในการใช้จริงเพิ่มขึ้น โดยพยายามหาโอกาสฟังและพูดให้ได้มากที่สุด โดยหากเป็นการฟังน้องๆ สามารถฟังจาก Podcast ของ BBC หรือช่องฟรีต่างๆ ใน Youtube ได้ เช่น ช่อง English Speaking Success ที่จะได้ทั้งทักษะในการพูด การฟัง และก็ยังมีสอนคำศัพท์ต่างๆ ในการตอบคำถาม Examiner อีกด้วย ในส่วนของการฝึกพูดแอปพลิเคชันที่อยากแนะนำคือ ELSA Speaking ซึ่งสามารถช่วยให้น้องๆ ออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังมีตารางการฝึก และคะแนนในการออกเสียงให้แต่ละครั้ง ทำให้ไม่ต้องกังวัลเลยว่าจะใช้เวลาในการเตรียมสอบ IELTS ในพาร์ทพูดกี่เดือน เพราะหากฝึกตามที่แอปพลิเคชันแนะนำไม่นานน้องๆ ก็สามารถพูดได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยค่ะ

ซึ่งถ้าน้องๆ สงสัยว่าทำไมไม่ฝึกใช้จริงควบคู่กันไปตั้งแต่เดือนแรกล่ะ? พี่ก็แนะนำว่าสามารถทำได้เหมือนกัน แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่พื้นฐานไม่แน่น เพราะอาจจะประหม่า เครียด ตื่นกลัวจนส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและจิตใจได้  โดยในระหว่างนี้ถ้าเหลือเวลาว่างๆ ก็หยิบเอาบทเรียนของเดือนแรกมาทบทวนไปด้วยตามสะดวกได้เลยค่ะ

เดือนที่ 3 – โฟกัสกับการเขียน

ทำไมการเขียนถึงควรฝึกในเดือนที่สามนั้น ก็เพราะว่าเมื่อน้องๆ ได้ฝึกทั้งพื้นฐานภาษาอังกฤษ การฟัง การพูด ไปแล้ว จะช่วยให้เรามี Wording Pool ที่กว้าง และได้เรียนรู้สำนวนทางการพูดและเขียนของเจ้าของภาษาไปพอตัว ที่เหลือคือการย่อยและกรองมันออกมาให้กลายเป็นงานเขียนให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา ฉะนั้นพี่อยากแนะนำว่าให้น้องๆ ฝึกฟัง อ่านภาษาอังกฤษให้แม่น แล้วค่อยเริ่มมาทำในส่วนนี้ รับรองว่าอินและเรียนรู้ได้เร็วแน่นอน 

สำหรับใครที่รีบอาจจะเริ่มทำส่วนนี้ไปตั้งแต่กลางเดือนสองเลยก็ได้เช่นกัน  โดยการนำเทคนิคการเตรียมสอบเขียน IELTS ไปปรับใช้ ในช่วงท้ายของการฝึกเขียน อยากแนะนำให้น้องๆ จับเวลาและลองสุ่มโจทย์จากข้อสอบเก่า ๆ เพื่อให้ทำข้อสอบใด้เร็วขึ้น เพราะการสอบ IELTS จะมีการจับเวลาด้วยนั่นเอง โดยในการฝึกทำโจทย์น้องๆ สามารถลองหาซื้อหนังสือ IELTS เช่น Barron’s IELTS Superpack The Official Cambridge Guide to IELTS หรือ Collins’ Grammar for IELTS มาลองทำดูได้ ซึ่งในหนังสือก็จะให้ฝึกทั้ง 4 Skills ของการสอบ IELTS และช่วย Wrap up เนื้อหาที่ทบทวนกันมาอีกรอบ

เดือนที่ 4 – ผ่อนคลาย และทบทวนโดยรวม

ในเดือนที่สี่ ใครที่คิดว่าจะต้องพยายามให้หนักจนโค้งสุดท้าย เคล็ดลับของการสอบทุกสนามที่พี่อยากจะฝากเอาไว้คือ อยากให้น้องๆ ผ่อนคลายและพยายามทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ได้ฝึกฝนไป ไม่ต้องเร่งกดดันอ่านเพิ่มเติมเลย เพราะถ้าเรามีวินัยจริงๆ ใน 3 เดือนแรก เราสามารถเตรียมเนื้อหาพร้อมสอบ IELTS ได้ครบอยู่แล้ว เดือนที่ 4 นั้นจะเป็นการฝึกสุขภาพจิต ปล่อยตัวปล่อยใจให้ว่าง ลดชั่วโมงที่ใช้ในการเรียนลดลงเน้นทบทวนเป็นหลัก แล้วไปเพิ่มเวลาผ่อนคลายแทน ถ้ากังวลจริงๆ อยากทบทวนก็ให้เป็น เปิดหนัง ฟังเพลง ภาษาอังกฤษดูเพื่อให้เราชินกับภาษาค่ะ จำไว้นะคะก่อนสอบเราต้องอย่าลืมผ่อนคลาย นอนหลับให้เพียงพอ และไม่ควรกดดันตัวเองเพราะอาจจะทำให้เรา Panic จนลืมเนื้อหาที่เตรียมมาทั้งหมดได้ค่ะ

ซึ่งจริงๆ แล้วการเตรียมสอบ IELTS ควรใช้เวลากี่เดือนนั้นก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความรู้ภาษาอังกฤษ รวมไปถึงการมีวินัย เพราะหากน้องๆ ได้วางแผนว่าจะต้องสอบ IELTS ให้ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ลืมหรือต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวที่นานกว่านั้นได้

ielts สอบอะไรบ้าง

สรุปง่ายๆ IELTS จะต้องสอบอะไรบ้าง

ได้รู้กันไปแล้วว่าการเตรียมสอบ IELTS ต้องใช้เวลากี่เดือน ตอนนี้เรามาดูลักษณะข้อสอบของ IELTS กันบ้าง ว่ามีการทดสอบอะไรบ้าง ซึ่งข้อสอบแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ

  • การฟัง  เป็นการวัดระดับทักษะการฟังของผู้สอบ เพื่อจับใจความของคู่สนทนาที่กำลังสื่อสารอยู่ในขณะนั้น ซึ่งจะให้เวลาในการทำข้อสอบอยู่ที่ 40 นาที 
  • การพูด เป็นการวัดทักษะการสื่อสาร ซึ่งหัวข้อที่จะเจอบ่อยๆ จะมี การเรียน การทำงาน ครอบครัวงานอดิเรก จังหวัดที่อยู่และบ้านเกิด เป็นการพูดคุยกับ Examiner ประมาณ 15-20 นาที
  • การอ่าน เป็นการทำสอบความรู้เรื่องด้านคำศัพท์ และไวยากรณ์ทั้งหมด 40 ข้อ เวลาในการสอบจะอยู่ที่ 60 นาที อันนี้มี 2 วิธี ถ้าไม่เพิ่ม Word pull ให้เยอะมาก ๆ ก็ต้องฝึกจับใจความและเดาใจความให้ได้ 
  • การเขียน ข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ELTS Writing Task 1 ที่จะเป็นการเขียนบรรยายกราฟรูปภาพต่างๆ จะเป็นการเขียนบรรยายความเป็นจริง และ IELTS Writing Task 2 เป็นการเขียนที่ผู้สอบสามารถบรรยายความคิดเห็นส่วนตัวได้ โดยมีระยะเวลาในการทำ 60 นาที ต้องฝึกเยอะ ๆ และต้องทำความเข้าใจ Nature ของภาษาให้ได้ 
ทำไมต้องสอบ ielts

ทำไมต้องสอบ IELTS ให้ได้ถึง 7.5?

ข้อสอบ IELTS จะมีคะแนนเต็มคือ 9.0 (Overall band 9.0) ซึ่งแปลว่ายิ่งได้คะแนนมากเท่าไรก็ยิ่งดี ส่วนใหญ่แล้วมหาวิทยาลัยจะรับนักเรียนที่ได้คะแนน IELTS อยู่ที่ 6.0 ขึ้นไป แต่ถ้าคะแนนไม่ถึง มหาวิทยาลัยบางแห่งก็รับเราเข้าไปอยู่ดี แต่อาจจะมีเงื่อนไขในการรับ หรือที่เรียกว่าเป็น Conditional Offer เช่น อาจจะต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมกับทางมหาวิทยาลัยก่อนเปิดเทอมจริง หรือที่เรียกว่า Pre-Sessional Course

สาเหตุที่เราต้องสอบให้ได้ 7.5 ก็เพราะส่วนมากมหาวิทยาลัย top เขารับคะแนนกันสูงค่ะ ถ้าความฝันของเราเหตุผลที่น้องๆ ควรสอบ IELTS ให้ได้ 7.5 เพราะว่ามหาวิทยาลัย Top ส่วนใหญ่ รับคะแนนกันค่อนข้างสูงค่ะ ถ้าความฝันของเราคือ Oxford, Cambridge ควรทำให้ได้เท่านี้ค่ะ แต่ว่าก็อาจจะมีบางคณะที่รับ IELTS 7.0 แต่เราตั้งเป้าสูงๆ ไว้ก่อนค่ะ อีกอย่างหนึ่งหลายๆ คนคิดว่า IELTS เป็นข้อสอบที่ออกโดย Cambridge จะยื่นได้แค่ฝั่งอังกฤษและออสเตรเลีย แต่ในความเป็นจริงแล้วหลายๆ มหาวิทยาลัย Top ในอเมริกาก็รับคะแนน IELTS เช่นกันนะคะ ดังนั้น น้องๆ เช็คกับ Official Website ของมหาวิทยาลัยที่อยากเข้าก่อนนะคะ เพราะถ้าเขารับคะแนน IELTS แนะนำให้ สอบ IELTS เถอะค่ะ ง่ายกว่ากันเยอะ !

สอบ ielts ยากไหม

ทำไมการสอบ IELTS ให้ได้คะแนนสูงถึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้?

นอกจากหลายๆ คนจะกังวลเรื่องการเตรียมสอบ IELTS ต้องใช้เวลากี่เดือนแล้ว หลายคนก็ยังกังวลในเรื่องการสอบ IELTS ที่ดูเป็นข้อสอบที่ยาก เอาเป็นว่าน้องๆ ลองมาดูกันว่าเพราะอะไรที่การสอบ IELTS ไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิด

1. IELTS เป็นการวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่

เนื่องจากข้อสอบ IELTS เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษที่มาจากประเทศอังกฤษ จัดทำโดย Cambridge University หลายๆ คนเห็นแค่ชื่อคนออกข้อสอบก็รู้สึกร้อนๆ หนาว ๆ กันแล้วนะคะ แต่ในความเป็นจริงถ้าเรารู้ว่าข้อสอบนี้ถูกจัดทำขึ้นมาเพื่อคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก ก็จะเข้าใจว่าตัวข้อสอบนั้นจะไม่ยากมาก เปรียบเทียบง่ายๆ ให้ลองนึกถึงฝรั่งที่มาสอบภาษาไทยก็ได้ค่ะ เราคงจะไม่ทดสอบเขาเรื่องที่ยากมากๆ เช่น การเอานิราศภูเขาทองให้เขาอ่านเลยก็ไม่ได้ สมาสชน สนธิเชื่อม (อันนี้ ฝรั่งคงบินหนีกลับประเทศค่ะ) ฉะนั้นการสอบก็คงจะต้องเป็นเรื่องการใช้ภาษาทั่วไป เพื่อดูว่าเขาใช้ภาษาในการสื่อสารได้จริงหรือไม่เท่านั้นเอง

ข้อสอบ IELTS ก็เช่นเดียวกันค่ะ เป็นข้อสอบที่ใช้วัดว่าถ้าเราต้องไปเรียนหนังสือที่เขาสอนเป็นภาษาอังกฤษ เราจะร่วงหรือรุ่ง ดังนั้น เราก็จะเห็นว่าข้อสอบมันก็จะออกมาในเชิงการอ่าน Passage ยาวๆ หรือถ้าเป็นการฟัง ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการฟัง Lecture ในห้องเรียน

2. IELTS ไม่ได้เป็นการทดสอบความรู้เฉพาะทาง

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า IELTS เป็นแค่ “การวัดความรู้ภาษาอังกฤษสำหรับการไปเรียนเป็นภาษาอังกฤษ” ข้อสอบจะไม่ได้วัดความรู้เฉพาะทางของเราเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะเห็นเนื้อข้อสอบที่เหมือนจะเฉพาะทาง เช่น ในข้อสอบ Reading อาจจะเห็น Passage ที่พูดถึงเรื่องของการใช้การสะกดจิตในการแพทย์ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอเพื่อที่จะทำข้อสอบนี้ให้ได้ค่ะ แค่ใช้หลักการอ่านทั่วไป เช่น อ่านโจทย์ก่อนอ่านเนื้อเรื่อง หรือรู้วิธีการอ่านแบบจับใจความ เพื่อประหยัดเวลาในห้องสอบก็เพียงพอแล้ว สำหรับการทำข้อสอบ IELTS Reading ค่ะ

3. IELTS มีรูปแบบชัดเจน และไม่เปลี่ยนลักษณะข้อสอบ

อีกอย่างที่พี่ชอบมากสำหรับข้อสอบ IELTS ก็คือลักษณะของข้อสอบจะไม่ได้มีการเปลี่ยนอะไรที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้าเปรียบเทียบกับข้อสอบ TOEFL ที่มาจากฝั่งอเมริกา ถือว่า IELTS นี่แทบจะไม่มีการเปลี่ยนเลย มีแค่เพิ่มวิธีการสอบให้เลือกสอบได้แบบ Paper-based Test หรือ Computer-based Test ซึ่งข้อสอบ IELTS ระหว่าง Computer ต่างจาก Paper ยังไง ก็คือ รูปแบบการสอบ ราคา รอบสอบ และระยะเวลารอผลคะแนนค่ะ

ในขณะที่ TOEFL มีการเปลี่ยนข้อสอบจาก PBT เป็น CBT เป็น iBT หลายรอบ ซึ่งการไม่เปลี่ยนแปลงบ่อยของ IELTS มีข้อดีก็คือข้อสอบเก่าเยอะ เทคนิคการทำข้อสอบที่พัฒนาต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถเรียนรู้และทำคะแนนได้ดีขึ้นค่ะ

เทคนิคการสอบ ielts

เคล็ดลับวิธีการสอบ IELTS ให้ได้ Overall Band 7.5

เริ่มต้นเตรียมตัวสอบ IELTS กี่เดือนให้ได้คะแนน 7.5? ซึ่งการสอบให้ได้คะแนนสูงนั้นไม่ยากเลยค่ะ น้องๆ แค่มี 3 อย่างคือ ความตั้งใจ เวลาในการเตรียมตัวที่เพียงพอ และวิธีการเรียนที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ง่ายและเบสิกแต่ก็เป็นการเริ่มต้นเตรียมตัวสอบ IELTS ที่ดีเลยค่ะ

ความตั้งใจ

ต้องบอกก่อนว่าถึงแม้เราไม่เก่งภาษาอังกฤษขั้นเทพ แต่หากเรามีความตั้งใจ เราก็สามารถทำคะแนนได้ดีเพราะอะไรหรือคะ? เพราะว่าข้อสอบมันตายตัวไง แรกๆ เราอาจจะรู้สึกว่ามันยากจังเลย แต่ถ้าเราทำทุกวัน คะแนนต้องขึ้นแน่นอน เพราะการทำซ้ำๆ จะช่วยให้เราเก่งขึ้น ขอแนะนำว่าถ้าอยากได้ 7.5 จริงๆ ต้องอ่านหนังสือให้ได้เหมือนเวลาไปโรงเรียน หรือเวลาไปทำงานเลย ก็คือวันละ 8-10 ชั่วโมง อย่าคิดว่าการอ่านหนังสือวันละ 2 ชั่วโมงคือดีแล้ว ถ้าอยากได้คะแนนเยอะ เราต้องสู้ค่ะ! ตื่นเช้าขึ้นสักหน่อย นอนดึกขึ้นสักนิด รับรองว่าในเวลาไม่กี่เดือน คะแนนขึ้นแน่นอน

เวลาเตรียมตัวที่เพียงพอ

ไม่ว่าเราจะตั้งใจแค่ไหน แต่เวลาที่เรามีก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำคะแนนให้ขึ้นได้ ถ้าเราไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมากๆ แน่นอนว่าเราต้องมีเวลาในการเตรียมตัวมากกว่าคนที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้วจริงไหมคะ ดังนั้น ถ้ามีใครมาบอกว่าสามารถสอนให้น้องๆ ได้คะแนน 7.5 จากการเรียนแค่วันเดียว บอกเลยค่ะว่าโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก เราควรจะให้เวลากับการเตรียมตัวสอบให้พอเหมาะพอดี เช่น คนที่ทำงานไปด้วยอาจจะอ่านหนังสือตอนค่ำสักวันละ 2-3 ชั่วโมง 

ส่วนวันหยุดก็ให้เวลาเต็มที่ไปเลยค่ะ 10 ชั่วโมง หลังจากเรียนทฤษฎีจบแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะไปสอบได้เลย ควรจะมีเวลาทำข้อสอบเก่าให้ได้อย่างน้อย 10 ชุด และสำคัญมากๆ ที่ต้องจับเวลาตอนฝึกทำด้วยนะคะ เพราะว่าคนส่วนใหญ่ที่ทำข้อสอบที่บ้านแล้วได้คะแนนดี จะตกม้าตายตอนทำข้อสอบในห้องสอบจริง เพราะตื่นเต้นเรื่องเวลานี่แหละค่ะ

ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเรียนเนื้อหาจบ ครบแล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ การฝึกฝนอย่างถูกต้อง หลายๆ คนไม่ยอมฝึกฝน เรียนแค่ทฤษฎีจบแล้วจะรีบไปสอบเลย พี่บอกเลยว่าไม่ได้ค่ะ เพราะเราต้องเจอโจทย์หลายๆ ประเภทก่อน ข้อสอบ IELTS เป็นข้อสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษทั่วไป ดังนั้น Exam Pool จะกว้างมาก เช่น ในการสอบ Speaking สามารถถามเราได้ทุกเรื่องตั้งแต่ชีวิตของเรา การเรียน การทำงาน สถานที่ท่องเที่ยว ความเชื่อ หรือค่านิยม

คอร์สเรียน ielts แนะนำ

ไม่อยากเตรียมสอบ IELTS ด้วยตัวเองต้องทำไง

การเริ่มต้นเตรียมสอบด้วยตัวเองอาจจะเป็นเรื่องที่ยากหากน้องๆ ไม่มีวินัยหรือความพยายามที่มากพอ ดังนั้น หากอยากเตรียมสอบ IELTS โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือน ลองมาทำความรู้จักกับคอร์สเรียน IELTS ของ InterPass ที่ครบตั้งแต่การปูพื้นฐานภาษาอังกฤษไปถึงระดับสูง เพื่อให้น้องๆ พร้อมสอบ IELTS อย่างมั่นใจ 

Pre-Inter ปรับพื้นฐาน

น้องๆ คนไหนที่รู้ว่าตัวเองไม่แน่นพื้นฐานภาษาอังกฤษต้องเริ่มจากการเรียนจากคอร์ส Pre-Inter เพื่อปรับพื้นฐาน Grammar, Reading , Vocabulary และ Writing ก่อนจะเข้าไปยังคอร์สที่มีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งการปูพื้นฐานแกรมม่าร์มีความสำคัญ ไม่ใช่แค่การสอบ IELTS เท่านั้น ยังสามารถนำไปปรับใช้กับการสอบประเภทอื่นๆ ได้อีกด้วย

IELTS All-in-one รู้ทันข้อสอบ

ไม่ต้องกังวลว่าการสอบ IELTS ต้องเตรียมตัวอย่างไรและใช้เวลากี่เดือน เพราะคอร์ส IELTS All-in-One ตอบโจทย์น้องๆ ที่ต้องการฝึกทักษะภาษาอังกฤษทั้งหมด 4 ทักษะ คือ การฟัง การอ่าน การพูด หรือแม้แต่การเขียน เพื่อการสอบ IELTS ให้ได้ถึง 6.5-7.0 กับติวเตอร์มืออาชีพอย่าง ครูพี่กิ๊บ ครูพี่อาร์ม ครูพี่นัน ที่ยกทีมมาสอนโดยเฉพาะ พร้อมสอนเทคนิคในการทำข้อสอบต่างๆ เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้ง่ายและเร็วมากขึ้น

ติวเข้ม ตะลุยโจทย์ ก่อนสอบ

คอร์ส IELTS ตะลุยโจทย์ ถูกออกแบบมาเพื่อให้น้องๆ ฝึกทำโจทย์ IELTS กว่า 500 ข้อ ซึ่งจะเป็นโจทย์ที่ครอบคลุมข้อสอบมากที่สุด และคอร์สนี้สามารถใช้สอบได้ทั้ง IELTS Academic และ IELTS for UKVI เนื้อหาแน่นถึง 30 ชั่วโมง และยังมี Simulation Test 12 ชั่วโมง คอร์สนี้จะให้น้องๆ ได้ทำความคุ้นเคยกับโจทย์ IELTS หลากหลายรูปแบบ

Writing for IELTS

ปัญหาของการสอบ IELTS พาร์ทการเขียนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายๆ คนไม่มั่นใจและไม่สามารถอัพคะแนน IELTS สูงๆ ได้ เพราะการเขียนภาษาอังกฤษที่ยังไม่แม่นเรื่องแกรมม่าร์ ดังนั้น คอร์สสำหรับฝึกการเขียน IELTS Writing เพื่ออัพคะแนน เหมาะกับน้องๆ ที่ต้องการเสริมเฉพาะพาร์ทค่ะ 

Speaking for IELTS

เตรียมตัวสอบ IELTS พาร์ทการพูดต้องใช้เวลากี่เดือน อาจขึ้นอยู่กับว่าน้องๆ มีพื้นฐานในการพูดมากน้อยแค่ไหน เพราะการพูดจำเป็นที่ต้องอาศัยคำศัพท์หลายพันคำ รวมทั้งต้องจดจำแกรมม่าร์พื้นฐานอย่างการใช้ Tenses แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องกังวล เพราะพี่ๆ InterPass ออกแบบคอร์ส Speaking for IELTS ที่มีการนำเทคนิคต่างๆ และการรวบรวมคำถามที่ผู้สอบมักจะถูกถามบ่อยๆ พร้อมวิธีและเทคนิคในการตอบคำถาม เพื่อให้มีความมั่นใจ และเป็นการอัพคะแนนพาร์ทนี้ให้สูงขึ้น 

การสอบ IELTS Overall band 7.5 ไม่ยากเกินที่จะทำได้ค่ะ ขอให้ทุกคนตั้งเป้าหมายและให้เวลากับมัน แต่เป้าหมายและเวลาต้องสอดคล้องกันด้วยนะคะ เรียนเนื้อหาให้จบเพื่อทำความเข้าใจข้อสอบและหลักการให้คะแนน จากนั้นก็สามารถลุยทำข้อสอบได้เลย ทั้งนี้ การเตรียมตัวสอบ IELTS จะต้องใช้เวลากี่เดือน แน่นอนค่ะว่าถ้าเรามีพื้นฐานดีอยู่แล้ว พี่คิดว่าเวลาสัก 3 เดือนก็เพียงพอสำหรับการเตรียมตัวแล้วค่ะ แต่ถ้าหากเราพื้นฐานไม่ดีเท่าที่ควร ก็ต้องให้เวลากับมันมากกว่านั้น อย่างไรก็ตามทุกอย่างเป็นไปได้แน่นอนค่ะ สู้ๆ นะคะ!

น้องๆ คนไหนที่พร้อมจะสอบ IELTS แล้ว สามารถเดินทางเข้ามาสมัครสอบ IELTS ศูนย์สอบ IDP ได้ที่เคาน์เตอร์ของ InterPass  เป็นการสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่ยื่นบัตรประชาชนเท่านั้น สามารถเลือกสอบได้ทั้ง 2 รูปแบบ คือ Computer-based Test และ Paper-based Test สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE @InterPass 

_________________________________________

InterPass ที่ 1 ด้านอินเตอร์ ✈

สอบถามคอร์สเรียนInbox : m.me/interpassinstitute

Tel: 089-9964256, 089-9923965

Line: @InterPass 

Roadmap TCAS65 Business & Economic รอบ 1 Portfolio อยากเรียนข้ามชั้นมีวิธีไหนบ้าง? ต้องเรียนเก่งจริงไหม ?

Date : Jun 8, 2020

You May Like