BLOG

    Home Blog SAT เปิดไทม์ไลน์การเตรียมตัวสอบและสัมภาษณ์จนติด BBA-CU By น้องเกริก

เปิดไทม์ไลน์การเตรียมตัวสอบและสัมภาษณ์จนติด BBA-CU By น้องเกริก

เปิดไทม์ไลน์การเตรียมตัวสอบและสัมภาษณ์จนติด BBA-CU By น้องเกริก

สวัสดีค่ะน้องๆ เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีคณะท็อปในฝันที่อยากเข้า ซึ่งพี่คิดว่าคณะ BBA-CU หรือ คณะบริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งคณะที่ได้รับความสนใจมาก วันนี้พี่เลยนำบทสัมภาษณ์ไทม์ไลน์ตั้งแต่การเตรียมตัวอ่านหนังสือจนถึงสอบติดของน้องเกริก BBA-CU มาฝากกันค่า หวังว่าจะเป็นประโยชน์และช่วยตอบคำถามที่ทุกคนสงสัยได้นะคะ ^^

Q: อยากให้น้องเกริก แนะนำตัวให้น้องๆ InterPass ได้รู้จักกันหน่อยค่า

A: สวัสดีครับชื่อเกริก นะครับ เอกยศ บูรณะ กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนมอ.วิทยานุสรณ์ นะครับ สอบติด BBA-TU, EBA-CU, CommArts-CU และ BBA-CU ครับ แต่สุดท้ายเลือกตัดสินใจเรียนคณะ BBA-CU ครับ

Q: น้องเกริกรู้ว่าตัวเองอยากเข้า BBA-CU ตอนช่วงไหนคะ? อะไรคือแรงบันดาลใจ?

A: รู้ตัวว่าอยากเข้าคณะ BBA-CU ตอนช่วงม.5 เทอม 2 ครับ ตอนนั้นได้ไป BBA CAMP 8 ที่จุฬาฯครับ แล้วรู้สึกประทับใจกิจกรรมในแคมป์มากครับเพราะมีทั้ง Simulation Class ที่อาจารย์จากคณะมาสอน และการแข่งเคสที่สนุกมากๆ ครับ และก็ยังมีเกมส์ทำสินค้าเพื่อไปขายยังลูกค้าสมมติครับ จากการที่เกริกได้ไปแคมป์นี้เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเลยเพราะทำให้เกริกได้รู้ว่าตัวเองอยากเข้าคณะนี้และอยากรู้ว่าจะเข้า Major อะไรครับ

Q: จริงๆ หลายมหาวิทยาลัยก็มีคณะบริหารธุรกิจภาคไทย ทำไมเกริกถึงเลือกจะเรียนอินเตอร์คะ?

A: ตอนแรกเกริกอยากเข้าอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เอกภาษาอังกฤษครับ แต่ว่าลองมาทบทวนดูแล้วว่า ภาษามันคือสื่อกลางในการที่เราสื่อสารและตัวเกริกเองก็ชอบเรียนคณิตศาสตร์อยู่แล้ว จึงทำให้มีความสนใจที่จะเรียนอินเตอร์ครับ เพราะการเรียนอินเตอร์น่าจะเปิดโอกาสในหลายๆอย่างและมีคอนเนคชั่นมากขึ้นด้วยครับ

Q: คณะ BBA-CU คืออะไร? เรียนเกี่ยวกับอะไร? จบไปแล้วอยากทำงานด้านไหน?

A: BBA-CU หรือ Bachelor of Business Administration คือหลักสูตรนานาชาติของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ เป็นหลักสูตรอินเตอร์หลักสูตรแรกของจุฬาฯเลย โดยการสอบเข้าคณะนี้นะครับเราจะต้องใช้คะแนนสองส่วน

1. Standardized Test นะครับก็คือ SAT ขั้นต่ำที่ 1270 คะแนน

2. English Proficiency คือเราสามารถเลือกยื่นอะไรก็ได้ใน 3 ตัวนี้นะครับก็คือ

  • IELTS Band 6.5 ขึ้นไป
  • CU-TEP และ Speaking 101 คะแนนขึ้นไป
  • TOEFL (Internet-Based) 79 คะแนนขึ้นไป

โดยคะแนน English Proficiency เอาแค่พอผ่านพอนะครับเพราะคณะนี้่จะคัดเลือกคะแนน SAT เป็นหลัก

หลักสูตรนี้จะประกอบไปด้วย  4 Major หลักได้แก่ Marketing, Accounting, Finance และ International Business ครับ แต่ละ Major จบแล้วทำงานคนละสายกัน

ซึ่งในปี 1 เราจะยังไม่มี Major แต่เราจะได้เรียนวิชา Fundamental ของแต่ละ Major ครับ แต่ในปี 2 เราจะได้เลือก Major ตามที่เราต้องการเลยครับ ซึ่งเมื่อเรียนจบ BBA มาแล้วสามารถไปทำงานได้หลากหลายมาก

อย่างถ้าจบ Accounting มาก็สามารถไปทำ Audit ส่วนด้าน Finance ถ้าจบมาก็สามารถไปเป็น Consult หรือ Broker ครับ ในส่วนของ Marketing ถ้าจบมาก็สามารถไปทำในด้านนักวิเคราะห์การตลาด และสุดท้ายถ้าจบ International Business ก็สามารถมาสานต่อธุรกิจที่บ้านหรือทำ Start-Up ก็ได้ครับ

ซึ่งส่วนตัวกำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้า Major อะไรดีระหว่าง Marketing หรือ Finance เพราะชอบเรียน Calculus กับ Statistics มากและเกริกก็คิดว่าการเรียน Marketing จะได้เรียนวิชา Consumer Behavior ที่คล้ายๆกับได้เรียนจิตวิทยาครับ ซึ่งด้วยความลังเลการเลือกเรียน Major อะไรทำให้ยังไม่แน่ใจว่าในอนาคตเกริกอยากทำงานเป็น Consult หรือ Digital Marketing ครับ

Q: อยากให้น้องเกริกเล่าการเตรียมตัววางแผนเข้ามหาลัยให้ฟังหน่อยค่า

A: เกริกเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ม.4 เลยครับ เพราะรู้ตัวว่าชอบภาษาอังกฤษมากๆ และน่าจะเข้าคณะอินเตอร์อยู่แล้ว ก็เลยเลือกที่จะลงคอร์ส Unlimited Inter Package ของ InterPass ไปเลย เกริกชอบที่มีพี่โค้ชคอยดูแลตลอด 3 ปีและคอยให้คำปรึกษาด้วยครับ

ส่วนการวางแผนเรียนคือ เกริกเรียนคอร์ส Pre-Inter ตอนม.4 แล้วก็เรียน Pre-SAT Math ตอนม.5 ครับ พอรู้ว่าอยากเข้า BBA-CU ตอนม.5 เทอม 2 ก็เรียนคอร์ส SAT ENG กับ SAT MATH ตอนปิดเทอมช่วงโควิดครับ ซึ่งตอนช่วงโควิดเกริกก็อ่านหนังสือเยอะมากๆ และก็เรียน Adv. SAT ENG และ Adv. SAT MATH ตอนม.6 เทอม 1 ครับ

หลังจากที่เกริกเรียนเสร็จเกริกก็ทำ Test Bank เพื่อดูจุดอ่อนว่าเราพลาด Section ไหนมากที่สุดครับ ซึ่งเกริกจะอัพคะแนน Writing ก่อนครับโดยเวลาเกริกทำข้อสอบเสร็จเกริกจะมาวิเคราะห์ การมาดูว่าผิดข้อแบบไหนเยอะสุดครับโดยเกริกจะแบ่งทั้งหมด 3 แบบครับ Grammar, Idea, Vocab ครับ

ในส่วนของพาร์ท Reading นะครับเกริกก็จะมาวิเคราะห์เหมือนกันโดยมี  2 แบบ คือ แบบ Specific ที่จะถามแบบมี Keyword โดยเฉพาะมาให้กับแบบ Overall ที่จะพูดถึง Passage แบบภาพรวมครับ

สุดท้ายนะครับคือพาร์ท Math โดยเกริกจะแบ่งข้อที่ผิดเป็นสองแบบคือแบบ Silly Mistake คือแบบสะเพร่าครับ กับ Don’t Know คือเกริกจำไม่ได้ว่าต้องทำยังไงครับ โดยถ้าผิดแบบ Don’t Know เกริกจะดูว่ามันคือเรื่องอะไรแล้วเกริกก็จะไปทวนเรื่องนั้นให้แม่นครับ

ต่อมาในส่วนของ IELTS เกริกจะเตรียมตัวหลังจากสอบ SAT OCT เสร็จนะครับโดยเกริกเริ่มเรียนคอร์ส IELTS All in one แล้วต่อด้วยคอร์ส Adv. IELTS ครับซึ่งเกริกเตรียม SAT ก่อนเพราะเกริกคิดว่าการเตรียม SAT ก่อนทำให้เราสามารถทำ IELTS Reading ได้ครับ โดยเกริกเตรียมตัวโดยรนอกจากการทำโจทย์แล้วเกริกจะใช้ชีวิตประจำวันกับภาษาอังกฤษให้มากที่สุด เช่นแทนที่เกริกจะฟังเพลงเวลาอาบน้ำเกริกก็จะเปิด Podcast 6-Minute English ของ BBC แทนครับและก่อนนอนเกริกก็จะฟังนิทานก่อนนอนเป็นภาษาอังกฤษครับ และเกริกจะเขียน Diary เป็นภาษาอังกฤษก่อนนอนทุกๆ คืนเลยครับเพราะจะได้พัฒนาสกิลการเขียนและฟังครับ เกริกมีเพื่อนอยู่อเมริกาครับเกริกก็จะคุยกับเพื่อนบ่อยๆ ด้วยครับซึ่งสามารถพัฒนาทักษะการพูดของเกริกได้

มาในส่วนของการทำโจทย์นะครับเกริกวางแผนว่าจะสอบ IELTS ตอนเดือนพฤศจิกายนนะครับแต่เกริกมาเตรียมตัวตอนเดือนตุลาคมเกริกจึงมีเวลาแค่ 1 เดือนในการเตรียมตัวในการสอบครั้งนี้ครับ โดยเกริกทำการบ้านจาก InterPass บ่อยมากๆ ครับ โดยเกริกจะเขียนการบ้าน Writing กับ Speaking สลับกับ Reading กับ Listening ครับ เพราะเกริกจะจัดหมวดหมู่ Productive Skill กับ Receptive Skill ครับมันจะง่ายในการแก้ไขจุดอ่อน

โดยเกริกจะกำหนด Band สูงๆไว้ก่อนครับว่าอยากได้ Band 8 ครับเพราะเวลาล้มเหลวมันอาจจะได้แค่ 7-7.5 ไม่ต่ำไปถึง Band 6 (BBA-CU เอา Overall Band 6.5 ครับ) ในส่วนของแต่ละพาร์ทนะครับเกริกก็กำหนด Reading 8 Listening 8 Speaking 7 Writing 6 ซึ่งส่วนตัวนะครับเกริกว่า Additional Exercise ดีมากๆ เลยครับแบบมี Exercise ให้ทำเยอะมากๆ เลยครับ โดยแบบฝึกหัดที่ InterPass ให้เกริกทำจากเล่ม Workbook ต่อด้วย Test Bank และจบด้วย Simulation Test มีโจทย์ให้ทำจุกๆไปเลยจ้า อย่าลืมส่งให้ทีมวิชาการที่ InterPass ตรวจด้วยน้า

Q: คิดว่าอะไรคืออุปสรรคที่ยากที่สุดในการเตรียมตัวสอบเข้า แล้วผ่านมาได้อย่างไร?

A: สำหรับเกริกเกริกคิดว่าการเอาชนะใจตัวเองเมื่อเราล้มเหลวหรือเวลาที่ทำโจทย์แล้วได้คะแนนไม่ดีอะครับมันจะรู้สึกเฟลมากๆ เพราะเราคิดว่าเราทำเต็มที่แล้วแต่มันไม่พอครับ เนื่องจากเราอาจจะอ่านหนังสือผิดวิธีหรือเปล่าหรือเราอาจจะไม่แม่นพอเกริกจึงเอาข้อที่ทำผิดมาอ่านซ้ำและเกริกจะได้ไม่ผิดซ้ำๆ และมากไปกว่านั้นคือการทำสมาธิในการอ่านหนังสือครับเพราะเกริกเป็นคนวอกแวกง่ายมากๆ เกริกจึงจะเอาโทรศัพท์อะไรพวกนี้ไปฝากๆไว้ที่แม่แล้วอ่านเสร็จก็เอาคืนครับ และเกริกเรียนโรงเรียนไทยนะครับซึ่งเกริกจะต้องเตรียมตัวก่อนคนอื่นๆจึงอาจจะเหนื่อยเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆเพราะเกริกคิดว่าตัวเองเตรียมตัวช้ามากๆ ครับ เกริกจึงต้องเตรียมตัวและบริหารจัดการเวลาทำกิจกรรมอ่านหนังสือและเรียนดีๆ เลยแหละครับ

Q: แชร์เทคนิคการสอบและคะแนน IELTS และ SAT ที่ตัวเองได้หน่อยค่า?

A: เกริกได้ SAT 1370 คะแนนนะครับใน Part Verbal เกริกได้ 600 คะแนนครับ Writing เกริกได้ 34/44 พอมาสเกลแล้วได้ 320 ส่วน Reading เกริกได้ 33/52 พอสเกลแล้วได้ 280 Strategy ของเกริกจำไว้เสมอนะครับข้อสอบ Verbal ของ SAT ชื่อว่า Evidence-Based Reading and Writing ดังนั้นเวลาเราจะตอบหรือทำอะไรเราต้องมี Evidence มาเป็นพยานว่าทำไมถึงต้องตอบข้อนี้นะครับและส่วนเวลาทำข้อสอบของเกริกคือเกริกจะแบ่งพาร์ทเวลาทำข้อสอบก่อนครับ ในส่วนของ Writing เกริกจะแบ่งเป็น 2 แบบครับ แบบแรกคือ แบบ Grammar คือ โจทย์ที่วัดเราทางด้านแกรมม่าที่ไม่ต้องใช้ความเข้าใจของ Context มากเท่าไหร่ ซึ่งโจทย์พวกนี้คือ Punctuation, Subject-Verb Agreement และ Tense ครับ อีกแบบนึงก็คือแบบ Reading จะเป็นโจทย์ที่ต้องใช้ความเข้าใจ Context ของ Passage มากในการตอบครับ เช่น โจทย์ประเภท Adding/Deleting/Set Up the Example อะไรประมาณนี้ครับ โดยเวลาเกริกทำข้อสอบนะครับเกริกจะทำโจทย์พวก Grammar ก่อนเพราะว่าเราคงจะเหนื่อยจากการ Reading แบบปวดหัวมากๆ มา 65 นาทีกันใช่มั้ยล้า แล้วการทำพวก Grammar มันเป็นข้อที่เราควรเก็บคะแนนเต็มด้วยครับ หลังจากทำ Part Grammar เสร็จเกริกก็ตะลุยอ่าน Passage รัวๆ เลย โดยเกริกจะอ่านให้เข้าใจและมองตัวเองเป็นผู้แก้ข้อความ55555 อาจจะดูแบบอะไรก็ไม่รู้แต่มันได้ฟีลลิ่งมากเวลาเกริกทำข้อพวก Reading ครับ และถ้าสุดท้ายถ้าเราทำไม่ได้ให้เราลองแปลเป็นภาษาไทยดูครับเกริกว่ามันจะมีการเซนส์ในการตัดชอยส์ได้ดีขึ้นเลยแหละครับ

ในส่วนของ Reading SAT นะครับเกริกจะวางแผนว่าใช้เวลา 12 นาทีต่อ Passage ครับ โดยเกริกจะทำ Passage Literature ต่อด้วย Social Science และสุดท้ายคือ History (เอาจริงๆเกริกก็แอบเท History อ่ะแหละอิอิ)

ถ้าโดยละเอียดเกริกจะแบบทำ Pair Passage อันสุดท้ายด้วย ส่วนตัวที่เอา Literature ขึ้นก่อนเพราะชอบอ่านนิยาย โดยเกริกจะอ่าน Passage ก่อนแล้วค่อยทำโจทย์ครับ เพราะเกริกจะให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังแต่เพื่อนของเราคือโจทย์นั้นเอง มันอาจจะเบียวแต่เกริกชอบวิธีแบบนี้นะ มันแบบเหมือนปรับที่ Mindset ให้เราไม่เบื่อเวลาทำข้อสอบครับ Part Math เกริกได้ 55/58 พอสเกลมาแล้วเกริกได้ 770 ครับก็ เวลาเกริกทำข้อสอบเกริกจะทำหลายๆ รอบครับเผื่อกันสะเพร่าครับอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่เกริกว่าชัวร์กว่ามากๆ เลยละครับ เกริกจะแนะนำเบรคที่ควรเอาไปกินกันคือเกริกจะเอาซีวิตขวดสีเหลืองไปกินมันดีมากๆ เลยครับทำให้เกริกมีแรงทำพาร์ทต่อไปเรื่อยๆเลย แล้วก็กินลูกอมโกปี้โก้ครับ 55555 มันแบบเหมือนหลอกตัวเองว่ากินกาแฟ

ในส่วน IELTS นะครับเกริกได้ Band 7.0 นะครับเกริก ในแต่ละพาร์ทเกริกได้ Reading 6.5, Listening 7.5, Writing 6.0, Speaking 7.0 ครับ มาเริ่มต้นกันที่พาร์ท Listening เลยนะครับคือเกริกจะหา Keyword ของแต่ละข้อครับเลยครับว่าถ้าเค้าพูดคำนี้ขึ้นมามันกำลังถึงคำตอบของข้อนี้แล้วนะอะไรประมาณนี้ครับและเราควรจะเดา Part of Speech ของคำตอบด้วยครับเพื่อที่จะได้เขียนถูกฟอร์มของมันอย่าลืมระวังเรื่องตัว S, ES นะครับ เวลาตอบก็เขียนตัวพิมพ์ใหญ่ไปให้หมดเลยกันชื่อเฉพาะบางตัวที่มันต้องใส่พิมพ์ใหญ่แล้วเราลืมครับ

ต่อมาในพาร์ท Reading นะครับเกริกจะแบ่งเวลาเป็น 50 นาทีแรกเกริกจะทำแล้วเขียนคำตอบไว้เฉยๆ แล้ว อีก 10 นาทีสุดท้ายเกริกจะเอาเวลามา Transfer คำตอบลงใน Answer Sheet ครับซึ่งการทำ Reading IELTS นั้นเกริกจะแบ่งเวลาเป็น 15-15-20 ครับ โดยการหา Passage ที่ยากที่สุดทำ 20 นาทีครับ โดยส่วนตัวแล้ววิธีการทำ IELTS นั้นเป็นการหา Keyword สะส่วนใหญ่โดยเกริกคิดว่าการหมั่นทำโจทย์น่าจะเป็นวิธีที่ดีครับ พาร์ท Writing น่าจะเป็นพาร์ทที่ยากสำหรับหลายๆคนเลยใช่มั้ยหล่ะสำหรับเกริกก็ยาก5555 เกริกคิดว่าสิ่งที่ควรทำสำหรับ Writing Part 1 ของ IELTS คือเราควรหาจุดเด่นของ Infographic ที่เราสามารถนำมาเขียนได้เลยครับและเราต้องมาสามารถมาเขียนเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของ Graph ด้วยครับ ส่วน Part 2 เกริกคิดว่าการเขียน Outline หรือวางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ เพราะว่าถ้าเราปูเรื่องในหัวเราได้ดีและมีเหตุผลมารองรับข้อคิดเห็นมันจะดีมากครับ แล้วก็การเขียน IELTS ของเกริกเกริกจะจำไว้เสมอว่า Simple but Accurate คือไม่ต้องหรูหราแต่ขอแค่สื่อสิ่งที่เราจะพูดให้เคลียร์ที่สุด ต้องหมั่นทวนพวกเรื่อง Connector อะครับเกริกคิดว่าจะดีมาก ส่วน Speaking เกริกชอบพาร์ทนี้มากๆ เพราะเกริกชอบพูดภาษาอังกฤษเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วก็เลยไม่ติดอะไรมากแต่เกริกแค่จะแนะนำว่าลองเอา Topic ที่ยากๆมาลองพูดดูครับเพราะ Topic ที่เราจะเจอมันหลากหลายมากๆ เลยละครับ

Q: อยากฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่มีความฝันอยากเข้า BBA-CU

A: สำหรับคนที่อยากจะเข้าคณะ BBA-CU เหมือนกันนะครับ อย่าพึ่งท้อนะครับเชื่อเกริกครับว่า Every cloud has a silver lining. ไม่ว่าช่วงนี้การเตรียมตัวสอบ SAT หรือ IELTS หรืออะไรต่างๆ อาจจะดูยากลำบากเกริกขอให้ทุกคนตั้งใจอ่านหนังสือและทำโจทย์กันบ่อยๆ เลยครับทำให้เต็มที่ไปก่อนก่อนที่จะไม่มีรอบสอบให้ทุกคนได้สอบแล้วนะครับ ส่วนตัวสำหรับเกริกแล้วคิดว่ารีบๆ หาตัวเองให้เจอเลยนะครับแล้วจะได้รู้ว่า Requirement คณะไว้เลยนะครับยิ่งเตรียมตัวก่อนจะได้เปรียบกว่ามากๆ เลยนะครับ

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับบทสัมภาษณ์น้องเกริก นักเรียน Member InterPass คนเก่งที่แชร์เทคนิคและประสบการณ์การเตรียมตัวเข้าคณะในฝัน BBA-CU ให้รายละเอียดทุกวิชาและทุกพาร์ทดีมากๆ เลยค่ะ ใครอยากปรึกษาหรือวางแผนการเรียนแบบน้องเกริก สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ม.4 กับคอร์ส Unlimited Inter Package ที่จะมีพี่ๆ โค้ชคอยช่วยดูแลตลอดระยะเวลา 3 ปีจนกว่าจะสอบติดมหาวิทยาลัยเลยค่ะ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางการติดต่อด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

________________________________________
InterPass ที่ 1 ด้านอินเตอร์ ✈️
สอบถามคอร์สเรียน Inbox: m.me/interpassinstitute
Line: @InterPass
Tel: 089-9964256, 089-9923965

IELTS เปิดกลยุทธ์อัปเลเวลการเขียน IELTS Writing Task 2 ที่ Interpass

Date : Mar 2, 2021

You May Like