BLOG

    Home Blog SAT 5 แกรมมาร์ต้องแม่น ก่อนสอบ SAT Verbal พร้อมคอร์สเรียน SAT ให้ได้คะแนนสูง

5 แกรมมาร์ต้องแม่น ก่อนสอบ SAT Verbal พร้อมคอร์สเรียน SAT ให้ได้คะแนนสูง

5 แกรมมาร์ต้องแม่น ก่อนสอบ SAT Verbal พร้อมคอร์สเรียน SAT ให้ได้คะแนนสูง ที่ Interpass

การเตรียมตัวสอบ SAT Verbal ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในส่วนของแกรมมาร์ที่มักเป็นจุดท้าทายสำหรับน้อง ๆ หากอยากเพิ่มคะแนนให้ได้สูงและมั่นใจในทุกคำตอบ การเข้าใจแกรมมาร์พื้นฐานถือเป็นหัวใจสำคัญ ในบทความนี้จะพาน้อง ๆ ไปรู้จักกับ 5 หัวข้อแกรมมาร์สำคัญ ที่ต้องแม่นก่อนลงสนามสอบจริง พร้อมเทคนิคการเรียน SAT ที่ช่วยให้น้อง ๆ พัฒนาทักษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าน้อง ๆ จะเป็นมือใหม่หรือกำลังเตรียมตัวอย่างเข้มข้น บทความนี้จะช่วยให้น้อง ๆ พร้อมสอบอย่างมั่นใจ

ทำไมแกรมมาร์ถึงสำคัญในการสอบ SAT Verbal?

ในข้อสอบ SAT Verbal โดยเฉพาะส่วน Writing มีคำถามที่เกี่ยวข้องกับแกรมมาร์ประมาณ 12-15 ข้อ หากน้อง ๆ ไม่เข้าใจกฎแกรมมาร์พื้นฐาน อาจทำให้ไม่มั่นใจและเลือกคำตอบผิดได้ง่าย

หลายครั้งการเลือกคำตอบโดยพึ่งความคุ้นชินจากการฟังหรือการใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน อาจทำให้น้อง ๆ เข้าใจผิดว่าบางสิ่ง “ฟังแล้วเหมือนถูก” ทั้งที่จริง ๆ แล้วผิดตามกฎแกรมมาร์ 

เพื่อให้ได้คะแนนสูงสุดใน SAT Verbal น้อง ๆ ควรทำความเข้าใจกับ กฎแกรมมาร์ SAT อย่างละเอียด และใช้กฎเหล่านี้เป็นแนวทางในการตอบคำถามแทนการพึ่งความรู้สึกหรือการเดาเพียงอย่างเดียว

ตัวอย่างคำถามแกรมมาร์ที่เจอในการเรียน SAT 

1.Joseph Wharton, along with his many successful business ventures, has helped shape the history of American industry.
A. [NO CHANGE]
B. Wharton, including his many successful business ventures, have
C. Wharton, along with his many successful business ventures, have
D. Wharton and his many successful business ventures has

คำตอบ: A. [NO CHANGE]
“Joseph Wharton” เป็นประธานหลักของประโยค แม้จะมีวลีเสริมอย่าง “along with his many successful business ventures” อยู่ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนจำนวนของประธาน ดังนั้นคำกริยาที่ถูกต้องคือ “has” ซึ่งสอดคล้องกับประธานเอกพจน์

2.While it panted and strained at its leash, the dog’s owner attempted to restrain the puppy when it saw a squirrel at the dog park.
A. [NO CHANGE]
B. The dog’s owner attempted to restrain the puppy while it panted and strained at its leash
C. While it panted and strained at its leash, the puppy’s owner attempted to restrain it
D. The dog’s owner, while it panted and strained at its leash, attempted to restrain the puppy

คำตอบ: C. While it panted and strained at its leash, the puppy’s owner attempted to restrain it
ประโยคต้องหลีกเลี่ยงความคลุมเครือเกี่ยวกับว่า “it” หมายถึงใคร การเลือก C ทำให้ประโยคชัดเจนขึ้นว่า “it” หมายถึง “the puppy” และยังรักษาโครงสร้างประโยคที่ถูกต้อง

3.During his college interview, Jose was confused by several questions, including one about his favorite types of animals, and another that asked, “if you were a flavor of ice cream, what flavor would you be?”
A. [NO CHANGE]
B. confused at
C. confused with
D. confused for

คำตอบ: A. [NO CHANGE]
คำกริยา “confused” ตามด้วยบุพบท “by” เป็นการใช้ที่ถูกต้องเมื่อพูดถึงสิ่งที่ทำให้ Jose สับสน ตัวเลือกอื่น เช่น “confused at” หรือ “confused with” ไม่สอดคล้องกับการใช้งานที่เหมาะสมในบริบทนี้

ลองทำแบบทดสอบเพิ่มเติมได้ที่นี่

5 หัวข้อแกรมมาร์ที่ต้องคนจะสอบ SAT ต้องรู้

1.Parts of speech 

Parts of Speech คือประเภทหรือชนิดของคำในภาษาอังกฤษที่มีหน้าที่และตำแหน่งแตกต่างกันในประโยค การทำความเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้สำคัญมากสำหรับการใช้ภาษาอังกฤษให้ถูกต้องและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเรียนรู้เกี่ยวกับชนิดของคำช่วยให้เราเข้าใจองค์ประกอบย่อยของภาษา ตั้งแต่คำเดี่ยวไปจนถึงวลีและประโยคที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียน และการพูด

ประเภทของคำในภาษาอังกฤษ 

1. Noun (คำนาม)

คำนามคือคำที่ใช้เรียกชื่อ คน, สัตว์, สิ่งของ, สถานที่, หรือ แนวคิด เช่น ความรู้สึกหรือคุณลักษณะ สามารถแบ่งได้หลากหลายประเภท เช่น

  • Proper Nouns: Cristiano Ronaldo, London, Bangkok
  • Common Nouns: boy, apple, city
  • Collective Nouns: a group of students, a bunch of flowers
  • Abstract Nouns: happiness, kindness
2. Pronoun (คำสรรพนาม)

คำสรรพนามใช้แทนคำนามเพื่อลดความซ้ำซ้อนในประโยค เช่น I, you, he, she, it, we, they

ตัวอย่างในประโยค:

  • Tom went to bed because he was tired.
  • She gave her book to him.

สิ่งที่ SAT ทดสอบ:

  • Pronoun Consistency: การใช้สรรพนามให้สอดคล้องกัน
  • Ambiguous References: แก้สรรพนามที่ทำให้ความหมายคลุมเครือ
  • Relative Pronouns: การใช้คำสรรพนามที่ในอนุประโยค

ตัวอย่าง:

  • ผิด: Each student must bring their own pencil.
  • ถูกต้อง: Each student must bring his or her own pencil.
3. Verb (คำกริยา)

คำหรือกลุ่มคำที่ใช้แสดงการกระทำ สถานะ หรือประสบการณ์ ทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ คำกริยามีบทบาทสำคัญในทุกประโยค โดยประโยคที่สมบูรณ์จะต้องมีกริยาอย่างน้อยหนึ่งคำ หากไม่มีคำกริยา ประโยคนั้นจะไม่สมบูรณ์

ประเภทของ Verb

1. Finite Verb (กริยาแท้)

Finite Verb คือกริยาหลักที่แสดงการกระทำของประธานในประโยค ซึ่งจะผันตาม Subject, Mood, และ Tense

  • ผันตาม Subject
    • ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาจะเติม -s / -es
      ตัวอย่าง:
      • Tim loves football.
      • She washes the dishes.
    • ถ้าประธานเป็นพหูพจน์หรือ “I” กริยาจะอยู่ในรูปเดิม
      ตัวอย่าง:
      • We brush our teeth daily.
      • I eat cereal for breakfast.
  • ผันตาม Tense
    กริยาแท้จะแตกต่างไปตาม 12 Tenses เช่น:
    • Present Simple: She eats lunch every day.
    • Past Continuous: He was watching TV when I called.
    • Future Perfect: They will have finished the project by tomorrow.
  • ผันตาม Mood
    Finite Verb ยังเปลี่ยนแปลงตามลักษณะของประโยค เช่น:
    • Indicative Mood: บอกเล่าหรือถาม เช่น
      • She plays the piano.
      • Are you coming?
    • Imperative Mood: คำสั่ง เช่น
      • Please turn off the lights.
      • Don’t be late.
    • Subjunctive Mood: สถานการณ์สมมติ เช่น
      • I suggest that he stay here.
      • The teacher demanded that we be quiet.

2. Non-Finite Verb (กริยาไม่แท้)

Non-Finite Verb เป็นกริยาที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกริยาหลักของประโยค แต่อาจทำหน้าที่เป็นประธาน กรรม หรือส่วนขยาย และจะไม่ผันตาม Subject, Mood, หรือ Tense

  • ประเภทของ Non-Finite Verb
    1. Infinitive: กริยารูปปกติ (เช่น to eat, to run)
      ตัวอย่าง:
      • Studying hard is important.
      • She wants to travel.
    2. Gerund: กริยาที่เติม -ing ทำหน้าที่เป็นคำนาม
      ตัวอย่าง:
      • Swimming is fun.
      • I enjoy reading books.
    3. Participle: แบ่งเป็น
      • Present Participle (V. ing)
        • ตัวอย่าง: The dog barking loudly woke me up.
      • Past Participle (V.3)
        • ตัวอย่าง: The broken vase was repaired.
4. Adjective (คำคุณศัพท์)

คำคุณศัพท์ใช้ขยายคำนามหรือสรรพนามเพื่อบอกลักษณะ เช่น beautiful, tall, delicious

ตัวอย่างในประโยค:

  • This is a beautiful garden.
  • He bought a red car.
5. Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)

คำกริยาวิเศษณ์ใช้ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำกริยาวิเศษณ์อื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น บอกวิธีการ (how), เวลา (when), หรือสถานที่ (where)

ตัวอย่างในประโยค:

  • She sings beautifully.
  • I often visit my grandparents.
6. Preposition (คำบุพบท)

คำบุพบทใช้เชื่อมคำเพื่อแสดงความสัมพันธ์ เช่น เวลา สถานที่ ทิศทาง เช่น in, on, at, under

ตัวอย่างในประโยค:

  • He is sitting on the chair.
  • We met at the park.
7. Conjunction (คำสันธาน)

คำสันธานใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค เช่น and, but, because

ตัวอย่างในประโยค:

  • I like coffee and tea.
  • She didn’t go because it was raining.
8. Interjection (คำอุทาน)

คำอุทานแสดงอารมณ์ ความรู้สึก หรือปฏิกิริยา เช่น wow, ouch, yay

ตัวอย่างในประโยค:

  • Wow! That’s amazing.
  • Ouch! That hurts.

เคล็ดลับการจดจำ Parts of Speech

  1. ฝึกแยกคำในประโยคและระบุหน้าที่ของคำ
  2. สังเกตคำลงท้าย (Suffix) เช่น
    • คำลงท้ายคำนาม: -ment (development), -ness (kindness)
    • คำลงท้ายคำวิเศษณ์: -ly (quickly)

2. Subject-Verb Agreement

การใช้กริยาให้ตรงกับประธานในประโยคเป็นเรื่องสำคัญ โดยที่ต้องทำความเข้าใจว่าเมื่อใดที่ต้องใช้กริยารูปเอกพจน์หรือพหูพจน์ให้สอดคล้องกับประธาน 

กฎการใช้ประธานและกริยาคู่กันในประโยค

1.เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ใน Present Simple Tense: กริยาจะต้องเติม -s หรือ -es เช่น
  • She speaks English very well.
  • The dog barks at the cat.
2.เมื่อประธานเป็นพหูพจน์: กริยาไม่เติม s/es

เช่น

  • The dogs bark at the cat.
  • These children live in Tokyo.
3.เมื่อประธานสองตัวเชื่อมด้วยคำว่า “and”: ถือเป็นพหูพจน์

เช่น

  • Tom and I work until 7:00 p.m.
  • Nid and her Japanese husband are moving back to Japan.
    หากเป็นสิ่งเดียวกัน เช่น “ข้าวกับไข่เจียว” จะถือเป็นเอกพจน์
  • Rice and omelet is my favorite breakfast.
4.เมื่อประธานมีคำนามหลายตัวเชื่อมด้วย “and” ถ้าเป็นคนหรือสิ่งเดียวกัน จะใช้ article ที่หน้าคำนามตัวแรก

เช่น

  • The manager and owner of this restaurant is my brother.
    หากเป็นคนละคนหรือสิ่งละชิ้น ต้องใส่ article ที่หน้าคำนามทั้งสองคำ เช่น
  • The manager and the owner of this restaurant are my brothers.
5.คำขยายหรือวลีที่ตามหลังประธาน: กริยาจะตามประธานหรือคำนามที่อยู่ข้างหน้า

เช่น

  • Ploy, as well as her parents, is going to Europe.
  • My brothers, in addition to my sister, are famous basketball players.
6.เมื่อมีวลีขยายประธาน กริยาจะใช้ตามประธานหลักในประโยค

เช่น

  • Zico, with all his players, was on the field.
  • Mr. Clark, like our other neighbors, is very helpful.
7.คำที่ใช้แทนคำนามบางคำ เช่น every-, some-, no-, any- มักถือเป็นประธานเอกพจน์เสมอ

เช่น 

  • Everyone is in the room.
  • Somebody in the office likes you.
8.ประธานที่เชื่อมด้วย or, either…or, neither…nor, not only…but also กริยาจะผันตามประธานตัวหลัง

เช่น

  • Neither Nantanach nor Naphat likes fish.
  • Neither Pim nor her friends are leaving.
9.คำที่ใช้แทนคำนามนับได้ เช่น  all, both, (a) few, many, several, some กริยาจะเป็นพหูพจน์เสมอ

เช่น

  • All were ready to leave the party.
  • Many were invited to lunch but only twelve showed up.
10.ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย “There” หรือ “Here” คำเหล่านี้ไม่ใช่ประธาน แต่จะมีประธานหลังคำเหล่านี้เสมอ

เช่น

  • There are books in my bag.
  • Here is the report you wanted.
11.คำนามที่เป็นรูปพหูพจน์แต่ถือเป็นเอกพจน์ กริยาจะใช้เอกพจน์เสมอ เช่น ชื่อโรค, วิชา, สาขา
  • Mathematics is an easy subject for some people.
  • Measles is a dangerous disease.
12.การใช้วลีบอกปริมาณ

วลีที่ตามด้วยนามเอกพจน์กริยาจะเป็นเอกพจน์

  • A lot of information is available online.
  • Most of the money was spent.
  • Plenty of time is needed to finish the project.
  • Some of the advice is very helpful.

วลีที่ตามด้วยนามพหูพจน์กริยาจะเป็นพหูพจน์

  • A number of students are waiting outside.
  • Many people are attending the event.
  • Several books were left on the table.
  • A large number of workers are needed for the construction.

วลีที่ใช้กับนามนับไม่ได้ กริยาจะเป็นเอกพจน์

  • A great deal of work has been done.
  • Much water was wasted during the cleaning process.
  • A large amount of information needs to be processed.
13. เมื่อประโยคมี Relative Pronoun เช่น who, which, that กริยาจะใช้ตามคำนามที่แทน
เช่น
  • There is a boy who is running in the park.
  • No houses that were made of wood survived the fire.
14.ประธานที่เป็น Infinitive หรือ Gerund จะถือเป็นเอกพจน์
  • To travel around the world is my dream.
  • Swimming in the ocean is refreshing.
  • Reading novels helps improve your imagination.
  • Cooking takes a lot of time but is enjoyable.
15.ประธานที่เป็นจำนวนเงินหรือช่วงเวลา ถือเป็นเอกพจน์
  • Ten million baht is too high for this car.
  • Twenty years is a long time to wait.
16.การใช้เศษส่วน

เศษส่วนของคำนามพหูพจน์จะใช้กริยาพหูพจน์

  • Two-thirds of the students are absent today.
  • Half of the books are on the shelf.
  • A few of the workers are on break.

เศษส่วนของคำนามเอกพจน์จะใช้กริยาเอกพจน์

  • One-third of the cake is gone.
  • A quarter of the milk is spilled.
  • Half of the pizza is already eaten.
17.ชื่อหนังสือ, บทความ, หรือเพลง ถือเป็นเอกพจน์เสมอ

เช่นHarold and the Purple Crayon was my favorite book as a child.

สิ่งที่จะเจอใน SAT

ประธานในบางครั้งอาจถูกแทรกด้วยคำหรือวลีที่ทำให้เกิดความสับสน เช่น คำบุพบทหรือคำขยายต่าง ๆ ที่อาจทำให้การเลือกใช้กริยาผิดพลาด

ตัวอย่าง

  • ผิด: The group of students are ready.
  • ถูก: The group of students is ready.

เพราะคำว่า “group” ใช้เป็นเอกพจน์ แม้ว่าจะมี “students” อยู่หลังจากนั้น แต่การใช้ “group” ทำให้กริยาต้องใช้เอกพจน์

3.Sentence or Fragment

น้อง ๆ ต้องเรียนรู้วิธีแยกแยะระหว่างกลุ่มคำที่เป็น ประโยคสมบูรณ์ และ ประโยคไม่สมบูรณ์ (fragment) เพื่อไม่ให้พลาดข้อสอบ SAT ซึ่งมักทดสอบความสามารถในการจำแนกทั้งสองประเภทนี้อย่างถูกต้อง

  • สิ่งที่ SAT ทดสอบ:
    • การใช้ Coordinating Conjunctions เช่น and, but, or
    • การใช้ Subordinating Conjunctions เช่น although, because
  • ตัวอย่าง:
    • Fragment: While he was walking.
    • Complete Sentence: While he was walking, he saw a bird.

4.Punctuation rules

เมื่อสามารถแยกแยะได้ว่า กลุ่มคำไหนสามารถเป็นประโยคสมบูรณ์ และกลุ่มคำไหนไม่สมบูรณ์แล้ว ขั้นต่อไปคือน้อง ๆ ต้องรู้จักการใช้เครื่องหมายวรรคตอนที่ถูกต้องสำหรับแต่ละกรณี เช่น การเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกัน
การเพิ่มข้อมูลเสริม การเชื่อมประโยคสมบูรณ์กับประโยคไม่สมบูรณ์ หรือการใช้เครื่องหมายเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เครื่องหมายแต่ละประเภทจะมีการใช้งานเฉพาะ ซึ่งต้องใช้ให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เสียคะแนนในส่วนของ Writing บน SAT

ตัวอย่าง

1.การเชื่อมประโยคสองประโยค

  • ข้อผิดพลาด: I love reading books I don’t have time for it.
  • ถูกต้อง: I love reading books, but I don’t have time for it.

คำอธิบาย: การใช้จุลภาคเพื่อเชื่อมประโยคสองประโยคที่เกี่ยวข้องกันอย่างถูกต้อง โดยมีคำเชื่อม “but” เพิ่มเติมเพื่อแสดงความสัมพันธ์ของประโยค

2.การใช้เครื่องหมายจุลภาคกับข้อมูลเสริม

  • ข้อผิดพลาด: My brother who lives in New York is visiting us next week.
  • ถูกต้อง: My brother, who lives in New York, is visiting us next week.

คำอธิบาย: ใช้เครื่องหมายจุลภาคเพื่อแยกข้อมูลเสริมที่อธิบายคำนาม “brother” ซึ่งสามารถขยายความหมายของประโยคได้

3.การเชื่อมประโยคสมบูรณ์กับประโยคไม่สมบูรณ์

  • ข้อผิดพลาด: Because she was tired she went to bed early.
  • ถูกต้อง: Because she was tired, she went to bed early.

คำอธิบาย: เครื่องหมายจุลภาคใช้เพื่อแยกประโยคที่ไม่สมบูรณ์ (because she was tired) ออกจากประโยคสมบูรณ์

4.การใช้เครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของ

  • ข้อผิดพลาด: The dogs tail is wagging.
  • ถูกต้อง: The dog’s tail is wagging.

คำอธิบาย: การใช้เครื่องหมายคำประกอบ (apostrophe) เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น “dog’s tail”

5. Modifiers

เมื่อเราต้องการเพิ่มข้อมูลเสริมหรือคำขยายในประโยค คำนั้นจะต้องขยายความหมายของคำนามที่มันอยู่ใกล้ที่สุด ถ้าคำนามที่อยู่ใกล้ไม่ใช่สิ่งที่คำขยายนั้นอธิบาย ก็จะกลายเป็นปัญหาทางไวยากรณ์ที่ต้องแก้ไขในการทำข้อสอบ SAT!

ตัวอย่าง: Using the results of the study, the research team was able to come to a conclusion.

คำอธิบาย: คำว่า “research team” คือคำนามที่ใช้ผลลัพธ์จากการศึกษา ดังนั้นคำว่า “research team” จึงต้องตามหลังเครื่องหมายจุลภาค ถ้าคำว่า “conclusion” มาหลังจุลภาค ประโยคจะไม่ถูกต้อง เพราะ “conclusion” ไม่สามารถใช้ผลการศึกษาได้

เคล็ดลับการทำข้อสอบ Digital SAT ให้ได้คะแนนสูง

เคล็ดลับการทำ SAT Grammar ให้ได้คะแนนสูง ที่ Interpass

การทำคะแนนสูงในส่วนของ SAT Writing ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การเขียนประโยคให้ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังต้องรู้ถึงแนวทางการเลือกคำ และการจัดประโยคที่ทำให้การเขียนให้กระชับและชัดเจน ดังนั้นหลังจากที่น้อง ๆ เรียนรู้การสร้างประโยคสมบูรณ์แล้ว น้อง ๆ ต้องเข้าใจหัวข้อเชิงลึกที่สำคัญดังนี้

1.การเปรียบเทียบ (Comparisons)

เมื่อน้อง ๆ เปรียบเทียบคน สิ่งของ หรือการกระทำกับคนหรือสิ่งอื่น ๆ การใช้คำและวิธีการเปรียบเทียบจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ น้อง ๆ ต้องรู้จักการใช้คำที่เหมาะสมในแต่ละกรณี เช่น การใช้คำเปรียบเทียบ comparative และ superlative

2.ความสอดคล้อง (Parallelism)

การใช้คำคู่หรือการลิสต์รายการหลาย ๆ อย่างในประโยคจะต้องมีโครงสร้างที่เหมือนกัน เช่น “Nina likes singing, dancing, and swimming.” แทนที่จะเป็น “Nina likes singing, dancing, and to swim.”

3.การเลือกคำ (Word Choice)

ในการทำข้อสอบ SAT Writing น้อง ๆ ต้องเข้าใจการเลือกคำที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ความหมายของคำ แต่รวมถึงการใช้สำนวนที่ถูกต้องและการเลือกคำที่เหมาะสมกับระดับภาษา

4.การใช้คำซ้ำ (Redundancy) และ การรวมประโยค (Combining Sentences)

คำถามใน SAT Writing จะถามว่าควรเพิ่มหรือลบประโยคในข้อความนั้น ๆ น้อง ๆ จะต้องประเมินว่าแต่ละประโยคนั้นมีความสำคัญหรือไม่เพื่อทำให้ข้อความสมบูรณ์และสมเหตุสมผล หรือคำนั้นเป็นการใช้คำซ้ำหรือไม่ ควระจะมีการตัดคำ หรือรวมประโยคกันหรือไม่ น้อง ๆ ต้องรู้วิธีรวมประโยคสองประโยคให้มีความหมายและสอดคล้องกัน โดยใช้เครื่องหมายวรรคตอนที่ถูกต้องและเชื่อมโยงด้วยคำเชื่อมที่เหมาะสม จะทำให้ข้อความดูไม่เวิ่นเว้อเกินความจำเป็น

5.การศึกษากลยุทธ์ด้านวาทศิลป์ (Rhetorical Elements)

หลายครั้งที่ข้อสอบใน SAT Writing และ Language Test ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไวยากรณ์หรือเครื่องหมายวรรคตอนเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงและลำดับความของเนื้อหาทั้งหมดในข้อความ ดังนั้นน้อง ๆ ต้องเข้าใจ และมีกลยุทธ์เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องได้ในเวลาที่กำหนด

เช่น การถามเกี่ยวกับลำดับความ (Logical Order Questions)
บางครั้ง SAT จะถามเกี่ยวกับลำดับที่ถูกต้องของประโยคหรือย่อหน้าในข้อความ น้อง ๆ ต้องเรียนรู้วิธีทำให้ประโยคหรือย่อหน้ามีลำดับที่เหมาะสมหรือ ข้อมูลกราฟิก (Infographics)

SAT Writing ยังมีคำถามที่เกี่ยวข้องกับกราฟ ตาราง หรือแผนภูมิที่ต้องการให้แก้ไขข้อความตามข้อมูลจากกราฟฟิกที่ให้มา ข้อความต้องไม่เพียงแต่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่ต้องถูกต้องตามข้อเท็จจริงและสอดคล้องกับเนื้อหาในบทความด้วย

แนะนำคอร์สติวสอบ SAT Verbal พิชิตคะแนน 600+

นี่เป็นเพียงเทคนิคส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเทคนิคอีกมากที่จะช่วยที่เหล่าติวเตอร์จะนำมาสอน SAT ให้สามารถทำข้อสอบได้ไว ใครที่กำลังหาที่เรียน SAT ที่ติวสอบ SAT ไม่ว่าจะติวสดหรือติว SAT ออนไลน์แนะนำคอร์ส SAT ต่อไปนี้

  • Grammar Foundation เสริมสร้างความเข้าใจในไวยากรณ์ในคอร์สนี้ ซึ่งรวมเนื้อหาสำคัญไว้ถึง 12 บท ครบทุกเรื่องที่จำเป็นในการสอบภาษาอังกฤษ ช่วยให้น้อง ๆ  มีพื้นฐานที่มั่นคงก่อนเข้าสู่การเรียน SAT อย่างเต็มตัว
  • DIGITAL SAT Eng คอร์สเรียน SAT ติวเข้มข้น บอกเคล็ดลับที่เรียน SAT ยังไงให้ได้ 1400+ การันตีจากน้องๆ ที่สอบติด BBA/EBA/BE คณะ Top ภาคอินเตอร์เกินครึ่งในทุกๆ ปี ด้วยคอร์สเรียน SAT จาก Interpass ที่เน้นไปที่ Thinking ให้น้อง ๆ สามารถนำไปปรับใช้กับข้อสอบ SAT part ต่าง ๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญ ทั้ง Reading, Writing เรียน SAT online ง่าย ๆ ที่บ้าน ผ่านโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ รวมทุกเทคนิคที่จะทำให้ได้คะแนนที่ดีที่สุด โดยติวเตอร์มากประสบการณ์ที่เข้าใจแนวข้อสอบ SAT เป็นอย่างดี 
  • Digital SAT Eng ตะลุยโจทย์ คอร์สเรียน SAT ที่จะพาตะลุยทำโจทย์ SAT Eng Critical Reading และ Writing พร้อม Simulation Test แบบฝึกหัดความยากเทียบเท่าข้อสอบจริงกว่า 500 ข้อ สำหรับผู้ที่อยากได้คะแนน SAT Eng 600+
  • UNLIMITED INTER PACKAGE SET A เลือกเรียนได้ทั้งหมด 20+ คอร์ส 6 เดือน ครอบคลุมครบ 3 กลุ่มวิชา  
    • English: IELTS / CU-TEP / TU-GET  
    • Aptitude Test: Pre Digital SAT Math / Digital SAT Eng / Digital SAT Math
    • Science Proficiency: ACT Science  

เหมาะกับน้อง ๆ ที่ต้องการสอบเพื่อยื่นได้เข้ามหาวิทยาลัยภาคอินเตอร์

ตัวช่วยเสริมเพิ่มคะแนน SAT Verbal เร่งด่วน

  • 5-Day SAT Express

กิจกรรมที่ติว SAT อย่างเข้มข้น เทคนิคสุด Exclusive เฉพาะที่ Interpass ที่จัดขึ้นปีละ 4 ครั้งเท่านั้น

🔹โปรแกรมติว:

  • SAT Verbal 2 วัน
  • SAT Math 2 วัน
  • Simulation Test 1 วัน

🔹 SAT Up Score: ติวเข้ม เน้นโจทย์ยากเพื่อช่วยให้น้อง ๆ มีคะแนน 1500+

🔹 รวมข้อสอบฝึกฝนไว้ใน SAT Test Bank ให้น้อง ๆ ได้ซ้อมจริง พัฒนาจุดอ่อนของน้อง ๆ ให้แข็งแกร่งขึ้น

🔹สัมผัสประสบการณ์สอบจริงผ่านระบบคอมพิวเตอร์ใน Digital SAT Simulation Test จับเวลาและผ่าน 4 โมดูล พร้อมรู้ผลคะแนนทันที

🔹 Line Openchat: อัปเดตข่าวสารและคอนเทนต์เกี่ยวกับข้อสอบ SAT

🔹 Line Academic: ช่องทางติดต่อพี่ๆ ติวเตอร์โดยตรง สอบถามปัญหาเรื่องการเรียนจากคอร์ส

อย่าพลาดโอกาสนี้เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมและมีความมั่นใจในการสอบ SAT

ACT vs SAT อันไหนยากกว่า BMAT:วิธีการวิเคราะห์ข้อสอบ BMAT Writing

Date : Feb 13, 2025

You May Like