ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเท่าไรก็ตาม ภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษก็ยังคงเป็นภาษาสำคัญที่ช่วยเปิดโลกกว้างให้กับเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือการทำงาน คนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วก็ย่อมได้เปรียบ ทำให้หลายๆ คนมีความต้องการอยากพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเอง แต่ก็มืดแปดด้าน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี บทความนี้จะมาแนะนำวิธีทำตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง เพื่อเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และพัฒนาภาษาต่างประเทศ รับรองว่าเก่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน!
ทำไมการทำตารางเรียนภาษาอังกฤษถึงสำคัญต่อผู้เรียน
การผัดวันประกันพรุ่งเป็นปัญหาหลักที่ทำให้การเรียนไม่พัฒนาได้อย่างที่ควรจะเป็น เชื่อว่าน้องๆ หลายคนอาจจะประสบกับปัญหานี้อยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากเรียนภาษาอังกฤษให้มีการพัฒนาที่ดีต่อเนื่อง การทำตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจะช่วยให้น้องๆ บริหารจัดการเวลาได้ดีและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้จัดความสำคัญของการเรียนได้ถูกต้องว่าจะเรียนอะไร เมื่อไร มีแผนชัดเจนแบบนี้แล้วก็จะส่งผลให้ความเครียดลดลงได้อีกด้วย แน่นอนว่าถ้าทำตามแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะภาษาก็จะพัฒนาขึ้น และได้คะแนนในสนามสอบเพิ่มขึ้นแน่นอน
ขั้นตอนการทำตารางเรียนภาษาอังกฤษควรมีอะไรบ้าง
เมื่อรู้ประโยชน์ดีๆ ของการวางแผนแล้ว ก็คงอยากจะมีตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองอยู่ในมือกันแล้วใช่ไหม บางคนอาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มยังไงดี ไม่ต้องกลัวไป ทุกขั้นตอนในการทำตารางเรียนให้มีประสิทธิภาพรวมอยู่ที่นี่แล้ว!
เขียนรายการที่ต้องทำ
การวางแผนที่ดีย่อมนำมาสู่ความสำเร็จ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้น้องๆ มีโอกาสทำงานหรือเรียนให้ลุล่วงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้มากขึ้น ดังนั้น การเขียนรายการที่ต้องทำ หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อภาษาอังกฤษที่ว่า To Do List เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เมื่อน้องๆ ทำตารางการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแล้ว ในแต่ละวันก็ควรจะจัดทำ To Do List ทุกครั้งด้วย แน่นอนว่าในหนึ่งวันน้องๆ ก็ต้องมีภารกิจอื่นๆ ที่ต้องทำ รวมถึงการเรียนภาษาอังกฤษอีก To Do List จึงจะเป็นตัวกระตุ้นให้น้องๆ เกิดความขยันมากขึ้น ช่วย Break Down ภารกิจในแต่ละวันออกมา เมื่อทำสำเร็จก็จะรู้สึกมีกำลังใจ ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่อและไม่เครียดอีกด้วย ที่สำคัญอย่าลืมเขียน To Do List แบบที่พอดีๆ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เอาแบบที่ไหวและทำได้จริงนะ!
รวมเนื้อหาที่ต้องใช้ในการเรียน
ก่อนการจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง อีกสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกๆ เลยก็คือการรวบรวมเนื้อหาที่ต้องใช้ในการเรียน ซึ่งทักษะที่มักจะเน้นเพื่อฝึกภาษาอังกฤษก็มีด้วยกัน 4 ทักษะหลักๆ ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน น้องๆ สามารถเตรียมการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง โดยเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับระดับภาษาของตัวเอง หรือเลือกรูปแบบการเรียนที่สนใจ รวมถึงเนื้อหาที่มีการเรียนในชั้นเรียนมาเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อทบทวนและต่อยอด พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ จัดแบ่งแยกการเรียนภาษาทักษะต่างๆ ในวันเวลาที่ต้องการให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้เตรียมเนื้อหาที่ต้องใช้ในการเรียนได้อย่างตรงจุด
วางรูปแบบตารางเรียน
วิธีการวางรูปแบบตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองก็มีกันอยู่หลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ อย่างการทำแพลนเนอร์ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจมาก เพราะช่วยจัดระเบียบตารางเรียนและตารางชีวิตของน้องๆ ได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งสมุดและแอปแพลนเนอร์ ที่มีรูปแบบน่ารักน่าใช้ ช่วยกระตุ้นความอยากเรียนให้เลือกใช้เยอะมาก โดยแพลนเนอร์เองก็สามารถแบ่งออกเป็นหลายแบบ ดังนี้
- Undated Planner เป็นแพลนเนอร์สำหรับคนที่ไม่อยากเจาะจงไปว่าวันนั้นจะทำอะไร จะเรียนอะไร โดยแพลนเนอร์แบบนี้จะไม่มีเดือนปีที่กำหนดไว้ สามารถกำหนดเองได้เลยว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง เหมาะกับคนที่มีตารางเวลาที่คาดเดาไม่ได้มากๆ
- Annual Planner เป็นแพลนเนอร์แบบรายปี เหมาะกับคนที่ชอบวางแผนในระยะยาว มีตารางชีวิตและกิจกรรมแน่น ข้อดีของแพลนเนอร์รายปีสำหรับน้องๆ ที่เรียนภาษาอังกฤษก็คือ มันจะเป็นตัวกำหนดเป้าหมายการเรียนภาษาอังกฤษได้ในระยะยาว ทำให้เกิดความมุ่งมั่นตั้งใจ และยังช่วยให้น้องๆ ติดตามพัฒนาการด้านภาษาของตัวเองในระยะเวลา 1 ปี ได้อีกด้วย
- Academic Planner จะเป็นแพลนเนอร์ที่มีระยะเวลาตามเทอมที่เรียน ซึ่งรูปแบบนี้จะเหมาะกับ น้องๆ นักเรียน นักศึกษา และครูอาจารย์ ใครที่อยากวางแผนจัดตารางการเรียนภาษาด้วยตัวเอง ก็สามารถเลือกใช้แพลนเนอร์รูปแบบนี้ได้ ซึ่งอาจจะจัดตารางการฝึกภาษาอังกฤษให้สอดคล้องกับการเรียนในแต่ละเทอมได้เช่นกัน
กำหนดระยะเวลาในการเรียนที่เหมาะสม
ก่อนจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง น้องๆ ก็ลองสังเกตดูว่าตนเองนั้น มีกิจกรรมใดบ้างในแต่ละวันที่ต้องทำ นอกเหนือจากการเรียน เมื่อรู้แล้วก็กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเรียนภาษาอังกฤษได้เลย โดยเลือกเวลาที่ไม่รบกวนกับการทำกิจกรรมอย่างอื่น นอกจากนี้ก็ควรกำหนดระยะเวลาเรียนให้เหมาะสมพอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป และอย่าลืมหาเวลาพักเบรคให้ตัวเองด้วย เพราะการพักจะช่วยให้สมองและร่างกายมีพลัง เพิ่มความมุ่งมั่นตั้งใจ และการโฟกัสที่ดีขึ้น ส่งผลต่อให้การเรียนภาษาอังกฤษมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยที่ช่วยให้ผลลัพธ์การเรียนภาษาอังกฤษประสบผลสำเร็จตามตารางเรียน
นอกจากการทำตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเพื่อพัฒนาภาษาแล้ว ปัจจัยเสริมอื่นๆ ก็มีส่วนช่วยในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเช่นกัน จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกัน!
สภาพแวดล้อมในการเรียน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจัยอย่างสภาพแวดล้อมในการเรียนส่งผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการเรียนและการจดจ่อ การมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเรียนจะช่วยให้ผู้เรียนสามารเรียนรู้ได้ดีกว่า โดยสถานที่ที่เหมาะแก่การเรียนก็ไม่ควรมีเสียงดังรบกวน ขอแนะนำเป็นห้องสมุด ห้องทำงาน หรือห้องนอนส่วนตัว
คู่สนทนาฝึกซ้อม
การฝึกฟังหรือพูดในภาษาอังกฤษที่ดีควรมีคู่สนทนา เพราะโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เรียนรู้การฟังและพูดจากการสื่อสารซึ่งกันและกัน การมีคู่สนทนาภาษาอังกฤษที่ดีจะช่วยใหัทักษะภาษาของเรามีพัฒนาการที่ดีตามไปด้วยแน่นอน เพราะคู่สนทนาจะช่วยแก้ไขคำผิด หรือการออกเสียงที่ผิดให้ได้ และน้องๆ ก็สามารถที่จะลอกเลียนรูปแบบประโยคของคู่สนทนาเพื่อนำมาปรับใช้ ส่งผลให้น้องๆ ได้คำศัพท์และรูปประโยคใหม่ๆ เพิ่ม ทั้งยังช่วยให้เกิดความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษอีกด้วย
พฤติกรรมการเรียน
การจะเรียนภาษาอังกฤษให้ดีได้ นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว ปัจจัยภายในอย่างตัวเราเอง ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันเลย น้องๆ จำเป็นจะต้องสร้างนิสัยและพฤติกรรมการเรียนที่ดี เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ขยัน และตั้งใจเรียน หากพบว่าตนเองมีข้อบกพร่องในเรื่องดังกล่าว ก็อย่าเพิ่งกังวลใจไป สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือใจของเราที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ
เทคนิคการทำตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองให้มีประสิทธิภาพ
นอกจากรู้วิธีทำตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ไปแล้ว เทคนิคต่อไปนี้จะช่วยให้น้องๆ สามารถออกแบบตารางเรียนภาษาอังกฤษของตัวเองให้ตรงกับเป้าหมายของตัวเองมากขึ้นได้
ตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษ
การตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญ น้องๆ ควรจะมีเป้าหมายให้ตัวเองว่าอยากพัฒนาภาษาอังกฤษในด้านใด ใช้ระยะเวลาเท่าไร และต้องการให้ความสามารถด้านภาษาพัฒนาไปอยู่ในระดับใด โดยอาจแบ่งเป็น เป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยะยาว ข้อดีของการตั้งเป้าหมายคือ น้องๆ จะได้เกิดความตั้งใจ มุ่งมั่นในการเรียน เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายเป็นจริงได้ และเมื่อเป้าหมายเป็นจริงก็จะรู้สึกภูมิใจและมีกำลังใจนั่นเอง เริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้จริงก่อนจะยิ่งดีเลย
รู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง
การรู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง ช่วยให้น้องๆ โฟกัสไปยังจุดด้อยของตัวเองเพื่อกระตุ้นการพัฒนาในจุดนั้น หากไม่รู้ว่าตนเองมีจุดแข็งและจุดอ่อนอะไรบ้าง ก็สามารถลองทำแบบทดสอบประเมินทักษะภาษา หรือขอคำปรึกษาจากคุณครู หรือติวเตอร์ที่เรียนอยู่ด้วยได้ เมื่อทราบแล้ว น้องๆ ก็เน้นเรียนในสิ่งที่ยังไม่ชำนาญให้มากขึ้น นำไปจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองให้เหมาะสม อาจจะให้เวลากับเรื่องที่เราไม่เก่งมากกว่าเรื่องที่เก่งอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรจะให้ความสำคัญกับทั้งสองสิ่ง เพื่อเป็นการพัฒนาจุดด้อยและสร้างเสริมจุดแข็งไปพร้อมๆ กัน
ลำดับความสำคัญของเนื้อหาให้เป็น
ในการเรียนและการฝึกภาษาอังกฤษในแต่ละเรื่องนั้น อย่าลืมว่าต้องไล่ลำดับความสำคัญของเนื้อหาให้เป็น ลองจดลำดับความสำคัญ โดยคำนึงถึงความจำเป็น ความยาก หรือเนื้อหาที่จะมีสอบเร็วๆ นี้ เป็นต้น หากลำดับความสำคัญได้ถูกต้องจะช่วยให้การเรียนเป็นระบบ ราบรื่น และช่วยลดความเครียดหรือความกังวลได้อีกด้วย
จดบันทึกความคืบหน้าอยู่เสมอ
เมื่อมีตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแล้ว การจดบันทึกความคืบหน้าว่าได้ทำตามแผนไปถึงไหนแล้ว จะช่วยให้น้องๆ เห็นพัฒนาการทางภาษาอังกฤษของตัวเอง รวมถึงมองเห็นว่าเรียนอะไรไปบ้าง มีความรู้ความเข้าใจไปในทางไหน เป็นที่น่าพอใจหรือไม่ หากพบว่ามีจุดที่คิดว่าควรจะแก้ไขก็จะได้รีบปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น บอกเลยว่าเห็นภาพรวมแล้วลดความเครียด เรียนได้สบายใจได้จริงๆ นะ
กำหนดเวลาเรียนอย่างเหมาะสม
การกำหนดเวลาเรียนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การเรียนมีประสิทธิภาพ เลือกกำหนดระยะเวลาให้พอดี และเหมาะกับหัวข้อที่ต้องการฝึกฝน พร้อมทั้งแบ่งเวลาพักผ่อน โดยต้องคำนึงถึงกิจกรรมอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อไม่ให้เรียนหนักจนเกินไป น้อยเกินไป หรือไปรบกวนกับเวลาของภารกิจอื่นๆ ที่ต้องทำ การเรียนอย่างสมดุล จะช่วยให้ได้ประโยชน์สูงสุดแน่นอน
รู้จักให้รางวัลตัวเอง
การเรียนภาษาอังกฤษถึงจะไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ง่าย เมื่อน้องๆ ได้วางแผนและตั้งเป้าหมายการเรียนภาษาอังกฤษของตัวเองแล้ว หากทำสำเร็จก็อย่าลืมให้รางวัลตัวเองเพื่อเป็นการให้กำลังใจและยังช่วยให้เกิดความมุมานะที่จะทำให้เป้าหมายอื่นๆ สำเร็จด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าหากจะมีที่ไม่สำเร็จบ้างก็ไม่ควรกดดันตัวเองจนเกินไป ควรดูว่าเป้าหมายของเรานั้นหนักไปหรือก้าวกระโดดไปหรือเปล่า หรืออาจจะต้องพยายามให้มากขึ้นหรือไม่ สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญคืออย่าเพิ่งย่อท้อในการเรียน ค่อยๆ หากำลังใจและค่อยๆ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทุกก้าวมีความหมายแน่นอน!
อุปกรณ์เสริมการเรียน
อุปกรณ์เสริมการเรียนมีส่วนช่วยกระตุ้นในการเรียนได้มากเลยทีเดียว การมีอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ชื่นชอบ ทำให้เกิดความรู้สึกอยากหยิบจับ อยากจด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจดบันทึก หรือการมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ช่วยให้น้องเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมฟีเจอร์ดีๆ ต่างๆ ก็ส่งเสริมการเรียนภาษาอังกฤษให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นได้เช่นกัน
เพื่อให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถวางแผนและบริหารการเรียนในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังช่วยลำดับความสำคัญในการเรียนให้เป็นไปได้ด้วยดีตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ นอกจากนั้น ตารางการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองยังช่วยให้ผู้เรียนทุกคนทบทวนและเข้าใจเนื้อหาได้ดีอีกด้วย