BLOG

    Home Blog หมอรอบ 1 ก่อนติว TBAT ต้องรู้! เทียบความแตกต่าง BMAT vs UCAT vs TBAT

ก่อนติว TBAT ต้องรู้! เทียบความแตกต่าง BMAT vs UCAT vs TBAT

ก่อนติว TBAT ต้องรู้! เทียบความแตกต่าง BMAT vs UCAT vs TBAT ที่ Interpass

การเตรียมตัวสอบแพทย์ รอบ 1(แพทย์ รอบพอร์ต) เตรียมยื่นรอบ portfolio เทคนิคการแพทย์ นั้นมีหลายสนามสอบให้เลือก ซึ่งแต่ละข้อสอบก็มีรูปแบบและลักษณะที่แตกต่างกันไป หากน้อง ๆ วางแผนจะเข้าคณะแพทยศาสตร์หรือคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ การทำความเข้าใจข้อสอบแต่ละประเภทจะช่วยให้การเตรียมตัวสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในบทความนี้ เราจะมาดูการเปรียบเทียบข้อสอบ BMAT, UCAT, และ TBAT อย่างละเอียด เพื่อให้น้อง ๆ ได้เข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละข้อสอบและเลือกวิธีการเตรียมตัวที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด


เปรียบเทียบความแตกต่างของข้อสอบ TBAT vs BMAT vs UCAT

มาดูการเปรียบเทียบข้อสอบ BMAT, UCAT และ TBAT โดยละเอียดในด้านต่าง ๆ เช่น จำนวนวิชา, เนื้อหาที่สอบ, เวลาในการทำข้อสอบ และค่าสมัคร เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าข้อสอบแต่ละสนามเป็นยังไง? ต้องเตรียมตัวก่อนการเตรียมตัวสอบแพทย์ รอบ 1 มากน้อยแค่ไหน?

เปรียบเทียบความแตกต่างของข้อสอบ TBAT vs BMAT vs UCAT ที่ Interpass
เปรียบเทียบความแตกต่างของข้อสอบ TBAT vs BMAT vs UCAT ที่ Interpass

หมายเหตุ: มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในไทยไม่ได้ใช้ BMAT ในการยื่นรอบ Portfolio แล้ว แต่นำมาเปรียบเทียบในตารางเพื่อให้น้อง ๆ เห็นถึงความแตกต่างได้ชัดเจนเนื่องจาก BMAT เป็นสนามสอบที่ทุกคนคุ้นเคยและรู้จักดีที่สุด


สรุปความแตกต่างของรูปแบบข้อสอบ TBAT vs BMAT vs UCAT

TBAT

ข้อสอบ เน้นการทดสอบความรู้ทางวิทยาศาสตร์ใน 3 วิชา ได้แก่ ฟิสิกส์, เคมี, และ ชีววิทยา โดยเป็นข้อสอบแบบ ปรนัย (เลือกตอบ) ทั้งหมด 184 ข้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำถามที่ต้อง คำนวณ หรือ ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยมีเวลาที่จำกัดให้ทำข้อสอบในแต่ละพาร์ท

  • จุดเด่นของ TBAT คือการต้องเตรียมตัวให้เข้าใจเนื้อหาในเชิงลึกและฝึกทักษะการคำนวณในแต่ละวิชาให้ดี ซึ่งจะช่วยให้น้อง ๆ ได้คะแนนสูง


BMAT

ข้อสอบ BMAT เน้นทั้งการทดสอบ ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) และความรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์ โดยมี 3 พาร์ท: Thinking Skills (32 ข้อ), Scientific Knowledge and Applications (27 ข้อ), และ Writing Task (1 ข้อ)
นอกจากการคำนวณใน วิทยาศาสตร์ แล้ว ยังต้องฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์และการเขียน เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้ดีในทุกพาร์ท รวมทั้งพาร์ทการเขียนที่ BMAT มีข้อสอบแบบอัตนัย ซึ่งทำให้ต้องฝึกทักษะการเขียนคำตอบให้ชัดเจนและสื่อสารได้ดี


UCAT

ข้อสอบ UCAT เน้นทดสอบทักษะ การคิดเชิงปริมาณ, การตัดสินใจ, และ การคิดเชิงนามธรรม โดยข้อสอบประกอบด้วย 5 พาร์ท: Verbal Reasoning, Decision Making, Quantitative Reasoning, Abstract Reasoning, และ Situational Judgement

  • จุดเด่นของ UCAT คือการต้องทำข้อสอบใน เวลาที่จำกัด ซึ่งแต่ละพาร์ทเน้นการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ มากกว่าการคำนวณทางวิทยาศาสตร์

ข้อสอบต่างกัน วิธีการเตรียมตัวต่างกัน วิธีการเตรียมตัวสอบ TBAT vs UCAT

TBAT

การเตรียมตัว เน้นการทบทวนเนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่ละเอียด โดยเฉพาะฟิสิกส์, เคมี, และชีววิทยาในระดับมัธยมปลาย (ม.4-ม.5) ต้องฝึกทำโจทย์ที่เน้นการคำนวณและเข้าใจในหลักการทางวิทยาศาสตร์
วิธีการฝึก: เนื่องจากมีคำถามจำนวนมากในแต่ละพาร์ท การจัดการเวลาให้เหมาะสมจึงสำคัญมาก น้อง ๆ ควรฝึกทำข้อสอบในเวลาจำกัด เพื่อให้ทำได้ครบทุกข้อ ควรฝึกทำข้อสอบเก่าและเรียนรู้วิธีการคำนวณที่ถูกต้องในฟิสิกส์และเคมี รวมทั้งทบทวนเรื่องชีววิทยาที่ออกสอบบ่อย ๆ

UCAT

การเตรียมตัว เน้นการฝึกทักษะการ ตัดสินใจ และ การคิดวิเคราะห์ เนื่องจากข้อสอบ UCAT จะมีเวลาในการทำข้อสอบที่จำกัดมาก
วิธีการฝึก: ควรฝึกฝนการทำข้อสอบหลาย ๆ แบบในแต่ละพาร์ท เช่น Verbal Reasoning และ Situational Judgement โดยเน้นฝึกการทำข้อสอบในเวลาที่จำกัด

TBAT มีสอบ 2 ครั้งต่อปี ต้องเตรียมตัวให้พร้อม

การสอบ TBAT (Thailand Bio-medical Admission Test) เป็นข้อสอบที่มีความสำคัญมากสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์และสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยเฉพาะคณะแพทยศาสตร์หลักสูตรนานาชาติ ซึ่งมีข้อจำกัดที่สำคัญคือมีการจัดสอบ TBAT ในปี 2568 เพียง 2 รอบ เท่านั้น คือ

  • รอบที่ 1: วันที่ 6 กรกฎาคม 2568
  • รอบที่ 2: วันที่ 5 ตุลาคม 2568


เนื่องจากการสอบ TBAT มีเพียง 2 รอบต่อปี น้อง ๆ จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมและมั่นใจในการสอบครั้งแรกหรือครั้งที่สอง เพราะถ้าผลการสอบไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ก็จะไม่สามารถกลับมาสอบใหม่ได้อีก


เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก่อนสอบ ติว TBAT ยังไงให้ทัน?

การสอบ TBAT มีรูปแบบข้อสอบที่เน้นทักษะและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ 3 สาขาหลัก ได้แก่ ฟิสิกส์, เคมี และชีววิทยา ซึ่งมีลักษณะข้อสอบแบบ ปรนัย และทุกคำตอบจะมีคะแนน 1 คะแนนสำหรับคำตอบที่ถูกต้อง โดยไม่มีการหักคะแนนสำหรับคำตอบที่ผิด ดังนั้น การเตรียมตัวให้ดีในแต่ละวิชาและพัฒนาทักษะการทำข้อสอบจะช่วยให้น้อง ๆ ได้คะแนนสูงขึ้นได้ ดังนี้


1. การแบ่งเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อสอบ TBAT ให้เวลาทำข้อสอบทั้งหมด 3 ชั่วโมง ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท (ฟิสิกส์ 60 นาที, เคมี 60 นาที, ชีววิทยา 60 นาที) ดังนั้น น้อง ๆ ต้องฝึกฝนการจัดการเวลาให้เหมาะสม โดยไม่เสียเวลาในการทำข้อสอบแต่ละพาร์ทมากเกินไป โดยเฉพาะในพาร์ทที่มีคำถามเยอะ เช่น เคมี และ ชีววิทยา ที่มีข้อสอบ 55 ข้อในแต่ละวิชา


2. การเข้าใจเนื้อหาสอบ

  • ฟิสิกส์: เน้นเรื่องการคำนวณและความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน เช่น การเคลื่อนที่, ไฟฟ้า, แม่เหล็ก ฯลฯ หากน้อง ๆ ฝึกทำข้อสอบในหัวข้อนี้อย่างละเอียด จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตอบคำถาม และลดเวลาในการคำนวณในห้องสอบ
  • เคมี: หลัก ๆ จะออกเนื้อหาจาก ม.4 และ ม.5 เช่น สมดุลเคมี, การเกิดปฏิกิริยาเคมี และการคำนวณที่เกี่ยวกับมูล และสูตรเคมี การฝึกทำข้อสอบตัวอย่างและเข้าใจการคำนวณในเชิงลึกจะช่วยให้น้อง ๆ ตอบคำถามได้เร็วและแม่นยำขึ้น
  • ชีววิทยา: แม้ว่าเนื้อหาส่วนนี้จะเน้นจาก ม.4 แต่มักมีคำถามที่เกี่ยวกับ DNA, RNA, และ พันธุกรรม ซึ่งเป็นหัวข้อที่ต้องทำความเข้าใจลึกซึ้ง หากน้อง ๆ ทบทวนและฝึกทำโจทย์ในหัวข้อนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ตอบได้ถูกต้องและลดความเครียดในการทำข้อสอบ

3. การฝึกฝนทำข้อสอบซ้ำ

การฝึกทำข้อสอบย้อนหลัง การทำข้อสอบที่เคยออกสอบในรอบก่อน ๆ จะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจรูปแบบข้อสอบ และรู้ว่าคำถามในแต่ละพาร์ทมีลักษณะอย่างไร นอกจากนี้ยังช่วยให้เห็นจุดที่ต้องพัฒนาตนเอง เช่น บางพาร์ทอาจจะต้องใช้เวลาเยอะในการคำนวณ หรือบางพาร์ทอาจจะตอบได้เร็ว แต่ต้องตรวจสอบคำตอบให้แม่นยำยิ่งขึ้น


4. ไม่มีการหักคะแนนสำหรับคำตอบผิด

การสอบ TBAT ไม่มีการหักคะแนนสำหรับคำตอบผิด ซึ่งทำให้มีโอกาสสูงที่จะได้คะแนนที่ดีหากพยายามตอบคำถามทั้งหมด โดยเฉพาะคำถามที่ไม่แน่ใจมากนัก การตอบคำถามทุกข้อช่วยเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนสูงขึ้น


5. ฝึกทักษะการคำนวณและการคิดวิเคราะห์

พาร์ทฟิสิกส์และเคมีเน้นการคำนวณ หากน้อง ๆ ฝึกการทำโจทย์คำนวณและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ให้ดี จะทำให้ลดข้อผิดพลาดในการคำนวณและเพิ่มความเร็วในการทำข้อสอบ ซึ่งทำให้มีเวลาเหลือในการตรวจสอบคำตอบในส่วนอื่น ๆ ได้มากขึ้น


การสอบ TBAT มีลักษณะเฉพาะที่น้อง ๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในทุกด้าน การฝึกฝนทักษะต่าง ๆ เช่น การทำข้อสอบซ้ำ ๆ การจัดการเวลา และการเน้นเนื้อหาวิทยาศาสตร์เฉพาะทางจะช่วยให้น้อง ๆ ได้คะแนนสูงขึ้น นอกจากนี้ยังต้องฝึกฝนการคิดวิเคราะห์และคำนวณให้แม่นยำเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนเต็มจากทุกข้อสอบ!


เรียน ​TBAT ที่ไหนดี?

Expert for TBATหากน้อง ๆ ต้องการการเตรียมตัวที่ครบถ้วนในครั้งเดียว คอร์สเรียน TBAT ของเรามีการจัดเนื้อหาครบทั้ง 3 วิชา ได้แก่ Biology, Chemistry, และ Physics ซึ่งจะช่วยให้น้อง ๆ สามารถเข้าใจเนื้อหาลึกซึ้งและตะลุยโจทย์ที่มีความหลากหลายและใกล้เคียงกับข้อสอบจริง ช่วยให้มีทักษะในการทำข้อสอบที่ดี และมั่นใจในการสอบ TBAT มากขึ้น

  • TBAT Biology 40 ชั่วโมง
  • TBAT Chemistry 30 ชั่วโมง
  • TBAT Physics 30 ชั่วโมง

พร้อมทีมติวเตอร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละวิชาที่จะช่วยแนะนำและแสดงเทคนิคการทำข้อสอบในรูปแบบต่างๆ ให้ได้ใช้ในการสอบจริง ทำให้น้อง ๆ พร้อมและมั่นใจในการสอบมากยิ่งขึ้น

สมัครวันนี้! อย่ารอช้า!

คอร์ส IELTS ความแตกต่างระหว่าง IELTS ธรรมดา (Standard) และ IELTS UKVI

Date : Mar 18, 2025

You May Like