การเตรียมตัวสอบแพทย์ รอบ 1(แพทย์ รอบพอร์ต) เตรียมยื่นรอบ portfolio เทคนิคการแพทย์ นั้นมีหลายสนามสอบให้เลือก ซึ่งแต่ละข้อสอบก็มีรูปแบบและลักษณะที่แตกต่างกันไป หากน้อง ๆ วางแผนจะเข้าคณะแพทยศาสตร์หรือคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ การทำความเข้าใจข้อสอบแต่ละประเภทจะช่วยให้การเตรียมตัวสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในบทความนี้ เราจะมาดูการเปรียบเทียบข้อสอบ BMAT, UCAT, และ TBAT อย่างละเอียด เพื่อให้น้อง ๆ ได้เข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละข้อสอบและเลือกวิธีการเตรียมตัวที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
เปรียบเทียบความแตกต่างของข้อสอบ TBAT vs BMAT vs UCAT
มาดูการเปรียบเทียบข้อสอบ BMAT, UCAT และ TBAT โดยละเอียดในด้านต่าง ๆ เช่น จำนวนวิชา, เนื้อหาที่สอบ, เวลาในการทำข้อสอบ และค่าสมัคร เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าข้อสอบแต่ละสนามเป็นยังไง? ต้องเตรียมตัวก่อนการเตรียมตัวสอบแพทย์ รอบ 1 มากน้อยแค่ไหน?

หมายเหตุ: มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในไทยไม่ได้ใช้ BMAT ในการยื่นรอบ Portfolio แล้ว แต่นำมาเปรียบเทียบในตารางเพื่อให้น้อง ๆ เห็นถึงความแตกต่างได้ชัดเจนเนื่องจาก BMAT เป็นสนามสอบที่ทุกคนคุ้นเคยและรู้จักดีที่สุด
สรุปความแตกต่างของรูปแบบข้อสอบ TBAT vs BMAT vs UCAT
TBAT
ข้อสอบ เน้นการทดสอบความรู้ทางวิทยาศาสตร์ใน 3 วิชา ได้แก่ ฟิสิกส์, เคมี, และ ชีววิทยา โดยเป็นข้อสอบแบบ ปรนัย (เลือกตอบ) ทั้งหมด 184 ข้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำถามที่ต้อง คำนวณ หรือ ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยมีเวลาที่จำกัดให้ทำข้อสอบในแต่ละพาร์ท
- จุดเด่นของ TBAT คือการต้องเตรียมตัวให้เข้าใจเนื้อหาในเชิงลึกและฝึกทักษะการคำนวณในแต่ละวิชาให้ดี ซึ่งจะช่วยให้น้อง ๆ ได้คะแนนสูง
BMAT
ข้อสอบ BMAT เน้นทั้งการทดสอบ ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) และความรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์ โดยมี 3 พาร์ท: Thinking Skills (32 ข้อ), Scientific Knowledge and Applications (27 ข้อ), และ Writing Task (1 ข้อ)
นอกจากการคำนวณใน วิทยาศาสตร์ แล้ว ยังต้องฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์และการเขียน เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้ดีในทุกพาร์ท รวมทั้งพาร์ทการเขียนที่ BMAT มีข้อสอบแบบอัตนัย ซึ่งทำให้ต้องฝึกทักษะการเขียนคำตอบให้ชัดเจนและสื่อสารได้ดี
UCAT
ข้อสอบ UCAT เน้นทดสอบทักษะ การคิดเชิงปริมาณ, การตัดสินใจ, และ การคิดเชิงนามธรรม โดยข้อสอบประกอบด้วย 5 พาร์ท: Verbal Reasoning, Decision Making, Quantitative Reasoning, Abstract Reasoning, และ Situational Judgement
- จุดเด่นของ UCAT คือการต้องทำข้อสอบใน เวลาที่จำกัด ซึ่งแต่ละพาร์ทเน้นการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ มากกว่าการคำนวณทางวิทยาศาสตร์
ข้อสอบต่างกัน วิธีการเตรียมตัวต่างกัน วิธีการเตรียมตัวสอบ TBAT vs UCAT
TBAT
การเตรียมตัว เน้นการทบทวนเนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่ละเอียด โดยเฉพาะฟิสิกส์, เคมี, และชีววิทยาในระดับมัธยมปลาย (ม.4-ม.5) ต้องฝึกทำโจทย์ที่เน้นการคำนวณและเข้าใจในหลักการทางวิทยาศาสตร์
วิธีการฝึก: เนื่องจากมีคำถามจำนวนมากในแต่ละพาร์ท การจัดการเวลาให้เหมาะสมจึงสำคัญมาก น้อง ๆ ควรฝึกทำข้อสอบในเวลาจำกัด เพื่อให้ทำได้ครบทุกข้อ ควรฝึกทำข้อสอบเก่าและเรียนรู้วิธีการคำนวณที่ถูกต้องในฟิสิกส์และเคมี รวมทั้งทบทวนเรื่องชีววิทยาที่ออกสอบบ่อย ๆ
UCAT
การเตรียมตัว เน้นการฝึกทักษะการ ตัดสินใจ และ การคิดวิเคราะห์ เนื่องจากข้อสอบ UCAT จะมีเวลาในการทำข้อสอบที่จำกัดมาก
วิธีการฝึก: ควรฝึกฝนการทำข้อสอบหลาย ๆ แบบในแต่ละพาร์ท เช่น Verbal Reasoning และ Situational Judgement โดยเน้นฝึกการทำข้อสอบในเวลาที่จำกัด
TBAT มีสอบ 2 ครั้งต่อปี ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
การสอบ TBAT (Thailand Bio-medical Admission Test) เป็นข้อสอบที่มีความสำคัญมากสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์และสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยเฉพาะคณะแพทยศาสตร์หลักสูตรนานาชาติ ซึ่งมีข้อจำกัดที่สำคัญคือมีการจัดสอบ TBAT ในปี 2568 เพียง 2 รอบ เท่านั้น คือ
- รอบที่ 1: วันที่ 6 กรกฎาคม 2568
- รอบที่ 2: วันที่ 5 ตุลาคม 2568
เนื่องจากการสอบ TBAT มีเพียง 2 รอบต่อปี น้อง ๆ จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมและมั่นใจในการสอบครั้งแรกหรือครั้งที่สอง เพราะถ้าผลการสอบไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ก็จะไม่สามารถกลับมาสอบใหม่ได้อีก
เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก่อนสอบ ติว TBAT ยังไงให้ทัน?
การสอบ TBAT มีรูปแบบข้อสอบที่เน้นทักษะและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ 3 สาขาหลัก ได้แก่ ฟิสิกส์, เคมี และชีววิทยา ซึ่งมีลักษณะข้อสอบแบบ ปรนัย และทุกคำตอบจะมีคะแนน 1 คะแนนสำหรับคำตอบที่ถูกต้อง โดยไม่มีการหักคะแนนสำหรับคำตอบที่ผิด ดังนั้น การเตรียมตัวให้ดีในแต่ละวิชาและพัฒนาทักษะการทำข้อสอบจะช่วยให้น้อง ๆ ได้คะแนนสูงขึ้นได้ ดังนี้
1. การแบ่งเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อสอบ TBAT ให้เวลาทำข้อสอบทั้งหมด 3 ชั่วโมง ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท (ฟิสิกส์ 60 นาที, เคมี 60 นาที, ชีววิทยา 60 นาที) ดังนั้น น้อง ๆ ต้องฝึกฝนการจัดการเวลาให้เหมาะสม โดยไม่เสียเวลาในการทำข้อสอบแต่ละพาร์ทมากเกินไป โดยเฉพาะในพาร์ทที่มีคำถามเยอะ เช่น เคมี และ ชีววิทยา ที่มีข้อสอบ 55 ข้อในแต่ละวิชา
2. การเข้าใจเนื้อหาสอบ
- ฟิสิกส์: เน้นเรื่องการคำนวณและความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน เช่น การเคลื่อนที่, ไฟฟ้า, แม่เหล็ก ฯลฯ หากน้อง ๆ ฝึกทำข้อสอบในหัวข้อนี้อย่างละเอียด จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตอบคำถาม และลดเวลาในการคำนวณในห้องสอบ
- เคมี: หลัก ๆ จะออกเนื้อหาจาก ม.4 และ ม.5 เช่น สมดุลเคมี, การเกิดปฏิกิริยาเคมี และการคำนวณที่เกี่ยวกับมูล และสูตรเคมี การฝึกทำข้อสอบตัวอย่างและเข้าใจการคำนวณในเชิงลึกจะช่วยให้น้อง ๆ ตอบคำถามได้เร็วและแม่นยำขึ้น
- ชีววิทยา: แม้ว่าเนื้อหาส่วนนี้จะเน้นจาก ม.4 แต่มักมีคำถามที่เกี่ยวกับ DNA, RNA, และ พันธุกรรม ซึ่งเป็นหัวข้อที่ต้องทำความเข้าใจลึกซึ้ง หากน้อง ๆ ทบทวนและฝึกทำโจทย์ในหัวข้อนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ตอบได้ถูกต้องและลดความเครียดในการทำข้อสอบ
3. การฝึกฝนทำข้อสอบซ้ำ
การฝึกทำข้อสอบย้อนหลัง การทำข้อสอบที่เคยออกสอบในรอบก่อน ๆ จะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจรูปแบบข้อสอบ และรู้ว่าคำถามในแต่ละพาร์ทมีลักษณะอย่างไร นอกจากนี้ยังช่วยให้เห็นจุดที่ต้องพัฒนาตนเอง เช่น บางพาร์ทอาจจะต้องใช้เวลาเยอะในการคำนวณ หรือบางพาร์ทอาจจะตอบได้เร็ว แต่ต้องตรวจสอบคำตอบให้แม่นยำยิ่งขึ้น
4. ไม่มีการหักคะแนนสำหรับคำตอบผิด
การสอบ TBAT ไม่มีการหักคะแนนสำหรับคำตอบผิด ซึ่งทำให้มีโอกาสสูงที่จะได้คะแนนที่ดีหากพยายามตอบคำถามทั้งหมด โดยเฉพาะคำถามที่ไม่แน่ใจมากนัก การตอบคำถามทุกข้อช่วยเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนสูงขึ้น
5. ฝึกทักษะการคำนวณและการคิดวิเคราะห์
พาร์ทฟิสิกส์และเคมีเน้นการคำนวณ หากน้อง ๆ ฝึกการทำโจทย์คำนวณและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ให้ดี จะทำให้ลดข้อผิดพลาดในการคำนวณและเพิ่มความเร็วในการทำข้อสอบ ซึ่งทำให้มีเวลาเหลือในการตรวจสอบคำตอบในส่วนอื่น ๆ ได้มากขึ้น
การสอบ TBAT มีลักษณะเฉพาะที่น้อง ๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในทุกด้าน การฝึกฝนทักษะต่าง ๆ เช่น การทำข้อสอบซ้ำ ๆ การจัดการเวลา และการเน้นเนื้อหาวิทยาศาสตร์เฉพาะทางจะช่วยให้น้อง ๆ ได้คะแนนสูงขึ้น นอกจากนี้ยังต้องฝึกฝนการคิดวิเคราะห์และคำนวณให้แม่นยำเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนเต็มจากทุกข้อสอบ!
เรียน TBAT ที่ไหนดี?
Expert for TBATหากน้อง ๆ ต้องการการเตรียมตัวที่ครบถ้วนในครั้งเดียว คอร์สเรียน TBAT ของเรามีการจัดเนื้อหาครบทั้ง 3 วิชา ได้แก่ Biology, Chemistry, และ Physics ซึ่งจะช่วยให้น้อง ๆ สามารถเข้าใจเนื้อหาลึกซึ้งและตะลุยโจทย์ที่มีความหลากหลายและใกล้เคียงกับข้อสอบจริง ช่วยให้มีทักษะในการทำข้อสอบที่ดี และมั่นใจในการสอบ TBAT มากขึ้น
- TBAT Biology 40 ชั่วโมง
- TBAT Chemistry 30 ชั่วโมง
- TBAT Physics 30 ชั่วโมง
พร้อมทีมติวเตอร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละวิชาที่จะช่วยแนะนำและแสดงเทคนิคการทำข้อสอบในรูปแบบต่างๆ ให้ได้ใช้ในการสอบจริง ทำให้น้อง ๆ พร้อมและมั่นใจในการสอบมากยิ่งขึ้น
สมัครวันนี้! อย่ารอช้า!