Digital SAT คือ รูปแบบการสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับ SAT แต่จะมีรายละเอียดการสอบตรงจุดไหนที่ต่างกันบ้าง และต้องเตรียมตัวสอบอย่างไร บทความนี้จะพาไปดูรายละเอียดก่อนสอบ SAT Digital จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
Digital SAT คืออะไร

Digital SAT คือ การทำข้อสอบออนไลน์ที่เปลี่ยนจากการสอบบนกระดาษและใช้ดินสอ 2B มาเป็นการสอบผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างโน้ตบุ๊คและแท็บเล็ต ซึ่งข้อสอบจะเป็นรูปแบบ Adaptive Testing ทั้งนี้ นอกจากการเปลี่ยนการสอบมาเป็นรูปแบบออนไลน์แล้ว ยังรวมถึงเนื้อหาที่สอบ และเวลาที่ใช้ในการสอบ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย
การสอบ SAT จะเปลี่ยนเป็น SAT Digital เมื่อไร
จากการสอบ SAT แบบเดิมเปลี่ยนมาเป็นการสอบ SAT Digital ได้มีขึ้นตั้งแต่ปี 2023 ซึ่งประเทศไทย ได้มีการสอบครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2023 ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมายังใช้การสอบ SAT แบบเดิมอยู่ แต่จะเริ่มมีการสอบแบบ Digital SAT ในเดือนมีนาคม 2024 นี้
เช็กเลย! Digital SAT ต่างจาก SAT ธรรมดาตรงไหนบ้าง?

การสอบ SAT กับ Digital SAT ยังคงมีบางอย่างที่เหมือนกันอยู่ แต่ก็มีจุดที่ต่างกัน ดังนี้
ระยะเวลาในการสอบที่น้อยลง
การสอบ SAT ในรูปแบบเดิม จะใช้เวลาในการสอบ 3 ชั่วโมง ซึ่ง 1 ชั่วโมง 40 นาที จะเป็นการสอบพาร์ต Evidence-based Reading & Writing และอีก 1 ชั่วโมง 20 นาที จะเป็นการสอบพาร์ต Math ส่วนการสอบ Digital SAT จะใช้เวลาสอบ 2 ชั่วโมง 14 นาที โดยแบ่งเวลาการสอบในแต่ละพาร์ตได้ดังนี้
- Reading and Writing มีเวลาสอบ 1 ชั่วโมง 4 นาที จำนวนข้อสอบ 54 ข้อ เนื้อหาการสอบมีตั้งแต่ประวัติศาสตร์ วรรณคดี วิทยาศาสตร์และมนุษยศาสตร์ โดยแบ่งเป็น 2 Module ดังนี้
- Moduleที่ 1 มีเวลาสอบ 32 นาที ข้อสอบ 27 ข้อ
- Moduleที่ 2 มีเวลาสอบ 32 นาที ข้อสอบ 27 ข้อ
- Math มีเวลาสอบ 1 ชั่วโมง 10 นาที จำนวนข้อสอบ 44 ข้อ โดยแบ่งเป็น 2 Module ดังนี้
- Moduleที่ 1 มีเวลาสอบ 35 นาที ข้อสอบ 22 ข้อ
- Moduleที่ 2 มีเวลาสอบ 35 นาที ข้อสอบ 22 ข้อ
รู้ผลสอบเร็วขึ้น
การสอบ SAT ในรูปแบบเดิม จะใช้เวลาในการรอผลสอบประมาณ 10 วัน หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่การสอบ Digital SAT จะทราบผลสอบเร็วกว่า เพราะใช้เวลารอผลสอบประมาณ 7 วันเท่านั้น
เนื้อหาของข้อสอบ
ข้อสอบ SAT Digital แบ่งเป็น 2 พาร์ตเหมือนเดิม แต่มีเนื้อหาที่เปลี่ยนไป ดังนี้
พาร์ต Reading และ Writing
ส่วนของ Passage ยังคงมีการวัดความเข้าใจของภาษาอังกฤษ การใช้เหตุผล การวิเคราะห์ และยังมีข้อมูลที่เป็นตารางและเป็นกราฟเหมือนเดิม แต่ความยาวของในส่วน Passage มีความสั้นลง ซึ่งช่วยให้มีเวลาเพิ่มขึ้นสำหรับการอ่านคำถามและการวิเคราะห์
พาร์ต Math
ในพาร์ต Math ได้ปรับลดจำนวนข้อสอบเหลือ 44 ข้อ จาก 58 ข้อ เนื้อหามีความหลากหลาย ทั้งอสมการ สมการเชิงเส้น สมการกำลังสอง การหาค่าสัมบูรณ์ สัดส่วน และการวัดปริมาตร ทั้งนี้การสอบ SAT Digital ในพาร์ต Math สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้
ฟีเจอร์เจ๋งๆ ใน Digital SAT ช่วยอำนวยความสะดวกในการสอบ

Digital SAT มีจุดเด่นที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งต่างจากการสอบ SAT แบบเดิม นั่นก็คือ ฟีเจอร์ที่ช่วยให้การสอบสะดวกขึ้น มีอะไรบ้างมาดูกันเลย!
โปรแกรมเครื่องคิดเลข
ในการสอบ SAT แบบเดิม จะต้องพกเครื่องคิดเลขเข้าไป เพื่อใช้ในการสอบพาร์ต Math แต่ Digital SAT จะมีเครื่องคิดเลขในตัว ที่สามารถใช้คิดเลขได้เลย อีกทั้งยังสามารถคำนวณกราฟ ฟังก์ชัน และคำนวณแบบตารางได้อีกด้วย
โปรแกรมสำหรับจดโน้ต
Digital SAT จะมีฟีเจอร์ Notepad ไว้จดคีย์เวิร์ดที่สำคัญ หรือเขียนโน้ตต่างๆ ซึ่งการจดโน้ต จะใช้วิธีพิมพ์แทนการเขียน
แจ้งเตือนสำหรับข้อที่ยังไม่ทำ
ไปสอบ Digital SAT ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะลืมทำข้อไหนจนเสียคะแนนข้อนั้นไปฟรีๆ เพราะ Digital SAT มีฟีเจอร์ที่จะแจ้งเตือนให้รู้ก่อนส่งข้อสอบว่า มีข้อไหนบ้างที่ยังไม่ได้ทำ
นาฬิกาเตือนเมื่อใกล้หมดเวลา
Digital SAT จะมีนาฬิกาคอยบอกเวลาอยู่ตลอด แต่สำหรับใครที่เห็นเวลาแล้วรู้สึกกดดันตัวเอง ก็สามารถเลือกซ่อนนาฬิกานั้นได้ ซึ่งระบบของนาฬิกาจะมีการแจ้งเตือนก่อนหมดเวลาสอบของแต่ละพาร์ต 5 นาที เพื่อให้ผู้สอบมีเวลาทบทวน
แนะนำการเตรียมตัวก่อนสอบ Digital SAT

ก่อนสอบ SAT Digital เตรียมอะไรบ้าง เพื่อให้การสอบมีความพร้อมมากที่สุด มาดูกันเลย
ศึกษาและทำความคุ้นเคยกับข้อสอบ
การสอบ Digital SAT มีทั้งการสอบคณิตศาสตร์และการสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งรูปแบบคำถามของแต่ละพาร์ตนั้นมีความแตกต่างกันไป ดังนั้นจะต้องศึกษาและทำความคุ้นเคยกับข้อสอบก่อน โดยการทดลองสอบ SAT เสมือนจริงฟรี มีให้ลองทำครบทั้ง 2 พาร์ต เพื่อที่จะไม่กังวลและไม่ตื่นเต้นในวันทำข้อสอบจริง
หาจุดอ่อนตัวเองให้เจอ
เมื่อศึกษาและทำความคุ้นเคยกับข้อสอบแล้ว ต่อไปให้ดูว่ามีจุดอ่อนในการทำข้อสอบตรงไหนบ้าง อย่างเช่น จุดอ่อนเรื่องเวลา ทำไม่ทัน ก็ให้ลองเลือกทำข้อที่ทำได้ก่อน ส่วนข้อที่ทำไม่ได้ ให้เก็บไว้ทำทีหลัง เพื่อที่จะไม่เสียเวลาไปกับข้อที่ทำไม่ได้
จัดทำตารางในการติว
ให้จัดตารางในการติว โดยคำถามหรือข้อสอบส่วนไหนที่ทำได้ มีความเข้าใจ ให้ฝึกฝนเพิ่มเติมเล็กน้อย ส่วนคำถามหรือข้อสอบส่วนไหนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ให้ทำความเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้นให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกรูปแบบการเรียนให้เหมาะสมกับตัวเองได้ด้วย เช่น เตรียมเรียนเองด้วยคอร์สสด S.E.L.F
หากลยุทธ์ในการทำข้อสอบ
การหากลยุทธ์ในการทำข้อสอบจะช่วยทำให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดตารางติว การบริหารเวลาอ่านหนังสือ รวมถึงการฝึกทำโจทย์หลังเลิกเรียนทุกวัน ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือการทำโจทย์ในวันเสาร์อาทิตย์ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอจนถึงก่อนวันสอบ
เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
การสอบ Digital SAT เป็นการสอบบนออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทนกระดาษ ซึ่งอุปกรณ์ที่จะใช้สอบ สามารถใช้อุปกรณ์ส่วนตัวได้และต้องเป็นเวอร์ชันที่กำหนด อย่างเช่น Laptop หรือ Tablet จะต้องเป็น Window 10 และมีพื้นที่ว่างอย่างน้อยประมาณ 250 MB หรือ Macbook จะต้องเป็น macOS เวอร์ชัน 11.4 ขึ้นไป และมีพื้นที่ว่างอย่างน้อยประมาณ 150 MB และถ้าเป็น iPad จะต้องเป็น iPadOS 13.4 ขึ้นไป และมีพื้นที่ว่างอย่างน้อยประมาณ 150 MB ทั้งนี้ สำหรับใครที่ไม่มีอุปกรณ์ในการใช้สอบ ก็สามารถยื่นเรื่องขอยืมอุปกรณ์จากศูนย์ College Board ก่อนถึงวันสอบ 30 วัน
รู้จักกับแอปพลิเคชัน Bluebook
นอกจากการเตรียมตัวเองและการเตรียมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการสอบแล้ว ต้องรู้จักกับแอปพลิเคชัน Bluebook ด้วย เพราะการสอบ Digital SAT จะมีโปรแกรม Bluebook ที่ผู้สอบจะต้องดาวน์โหลดและติดตั้งลงบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สอบ ทั้งนี้ บนโปรแกรม Bluebook จะมีตัวอย่างข้อสอบที่ผู้สอบสามารถเข้าไปฝึกทำได้ โดยจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. Test Preview จะมีตัวอย่างคำถามที่ช่วยให้ผู้เข้าสอบได้ลองใช้เครื่องมือต่างๆ บนระบบ 2. แบบฝึกหัดฉบับเต็ม จะเป็นแบบฝึกหัด Digital SAT ฉบับเต็ม ซึ่งจะมีทั้งการจับเวลา การให้คะแนนเหมือนกับข้อสอบจริง
คอร์สเตรียมสอบ Digital SAT โดย InterPass ไม่ว่า SAT รูปแบบใดก็ผ่านฉลุย

สำหรับใครที่ต้องการเทคนิคดีๆ เพื่อฝึกฝน ทำความเข้าใจ หรืออยากเพิ่มทักษะให้กับตัวเอง เพื่อความพร้อมในการสอบ Digital SAT ก็สามารถเลือกคอร์สให้เหมาะกับตัวเองกันได้เลย
- คอร์ส Grammar Foundation คอร์สปรับพื้นฐานแกรมม่าร์ใหม่ กระชับครอบคลุมทุกเรื่องที่ใช้สอบ
- คอร์ส SAT Eng มีเนื้อหา SAT Eng ทั้ง Writing และ Critical Reading แต่จะไม่มีพาร์ต Essay
- คอร์สตะลุยโจทย์ SAT Eng เป็นคอร์สตะลุยโจทย์ ที่มีทั้ง Critical Reading และ Writing และ Simulation Test ที่มีมากกว่า 500 ข้อ
- คอร์ส Math Foundation เป็นคอร์สปรับพื้นฐานคณิตศาสตร์ มีทั้งศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีความเกี่ยวข้องกับการคำนวณ รวมทั้งปูเนื้อหาให้ตั้งแต่พื้นฐานไปจนจบ
- คอร์ส Digital SAT Math เป็นคอร์สที่สอนเนื้อหาทุกอย่างที่ใช้สำหรับการสอบ พร้อมอธิบาย พาทำโจทย์ รวมถึงการแนะนำเคล็ดลับดีๆ สำหรับการทำข้อสอบ SAT Math
- คอร์สตะลุยโจทย์ Digital SAT Math เป็นคอร์สที่รวมข้อสอบสำหรับการสอบ SAT Math โดยเฉพาะ มีการคัดข้อสอบที่ยากๆ มาให้ฝึกทำ พร้อมลุยข้อสอบ SAT Math ให้ได้คะแนน 750+
- แพค Unlimited Inter Package SET A B C เป็นการรวมคอร์สที่ครอบคลุมการสอบเข้าภาคอินเตอร์ ครบทุกคะแนนการสอบ IELTS SAT CU-TEP ACT เลือกเรียนได้ไม่จำกัด เริ่มต้นที่อายุ 6 เดือน 12 เดือน และ 3 ปี ด้วยหลักสูตรกว่า 23 คอร์ส พร้อมทีมผู้สอนที่มีประสบการณ์ พร้อมให้เทคนิคในการทำข้อสอบแบบจัดเต็ม คะแนนเกินเป้าอย่างแน่นอน! แพคเดียวจบสำหรับการเตรียมสอบเข้าภาคอินเตอร์ของเด็กยุคใหม่
สรุป
Digital SAT เป็นรูปแบบการสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับ SAT ธรรมดาแบบเดิม ที่เปลี่ยนจากการสอบในกระดาษ มาสอบในรูปแบบออนไลน์ บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และยังมีข้อแตกต่างที่เราควรรู้จักไว้ อย่างเช่น ระยะเวลาการสอบที่น้อยลง หรือการทำความเข้าใจแอปพลิเคชัน Bluebook เพื่อให้มีการวางแผนและเตรียมตัวก่อนสอบได้ดีขึ้น และเพื่อให้มีความพร้อมในวันสอบจริง ไม่ตื่นเต้น ไม่กังวล และได้คะแนนดีๆ เป็นไปตามเป้าหมาย สมอย่างตั้งใจ จึงต้องมีการเตรียมตัวที่พร้อม สำหรับใครที่กำลังจะสอบ Digital SAT อยากติวเข้มหรือฝึกฝนเพิ่ม เพื่อให้มีความพร้อมในการลงสนามสอบ สามารถลงเรียนคอร์ส Digital SAT ของ Interpass ได้
สอบถามเพิ่มเติมสามารถแอดไลน์ @interpass หรือคลิก https://lin.ee/jEaOone ได้เลย!