ใครๆ ก็คิดว่า SAT ยากมาก แต่อยากบอกน้องๆ ทุกคนเลยว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น ถ้าหาวิธีการทำของตัวเองให้ได้ แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าจะต้องเริ่มตรงไหน ต้องทำอะไรบ้าง จะแก้ปัญหาแต่ละเรื่องได้ยังไง? วันนี้ InterPass จะมาสัมภาษณ์เทคนิคการสอบ SAT จากน้องไนท์ นัยรัตน์ หาญเมธีคุณา ว่าเตรียมตัวยังไง? ทำไมสอบได้ 1500 ตั้งแต่ครั้งแรกเลย โดยที่ยังอยู่แค่ ม.4 ด้วย สำหรับน้องๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้ หรือคุณพ่อ-คุณแม่ก็ตาม อาจจะคิดว่าได้ 1500 เพราะไนท์เรียนอินเตอร์หรือเปล่า? เก่งอยู่แล้วหรือเปล่าถึงทำได้? บอกได้เลยว่าทุกคนล้วนมีการเตรียมตัวกันทั้งนั้น อาจจะเตรียมตัวมากน้อยต่างกัน แต่ก็ไม่ใช่อยู่ๆ อยากสอบแล้วไปสอบ แล้วจะได้คะแนนดีๆ เลยตั้งแต่ครั้งแรก และบทความนี้จะมาบอกกันว่าเทคนิคอะไรที่น้องไนท์ใช้ในการเตรียมสอบ SAT ไปดูกันได้เลย
Q&A การสอบ SAT ของน้องไนท์ (ม.4) ที่สอบครั้งแรกแล้วได้ 1500
สำหรับพาร์ทนี้จะเป็นการรีวิวและแชร์เทคนิคการสอบ SAT ของน้องไนท์ ว่ามีการอ่าน การเรียน SAT ยังไง? ทำโจทย์หนักขนาดไหน? ทำไมถึงสามารถสอบได้ 1500 ตั้งแต่ครั้งแรก! หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเพราะการเรียนอินเตอร์ทำให้ได้คะแนนดี แต่จริงๆ แล้วแม้ว่าจะเป็นการสอบภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้หมายความคนเก่งอังกฤษทุกคน จะสอบ SAT ได้คะแนนดี อาจจะมีข้อได้เปรียบมากกว่าในเรื่องการอ่านข้อสอบ แต่ว่าน้องคนไหนที่ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่เก่งภาษา ก็มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบต่างกัน แค่ต้องรู้ว่าอะไรเป็นจุดเด่น อะไรที่ผิดพลาด แล้วจะแก้ปัญหานั้นยังไงให้ได้ในตอนสอบจริง
Q1: ไนท์เริ่มเตรียมคะแนนตั้งแต่ตอนไหน ถึงสอบ SAT ครั้งแรกได้ 1500?
“จริงๆ ก็เหมือนเตรียมตั้งแต่เด็กเลยครับ เพราะแม่ให้ผมทำแบบฝึกหัดเลข, อังกฤษ 10-15 หน้าทุกวัน แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ SAT มากขนาดนั้น แต่ระหว่างนั้นก็เริ่มทยอยเรียนเนื้อหา SAT Eng และ Math มาเรื่อยๆ แต่เริ่มตั้งใจทำโจทย์ SAT จริงๆ คือประมาณ 2 เดือนก่อนสอบ เริ่มฝึกทำ Reading 2-3 Passages แต่เพราะการฝึกทำโจทย์มาตลอดตั้งแต่เด็ก ทำให้การเตรียมตัวในช่วง 2 เดือนของผมเร็วขึ้นครับ”
Q2: เพราะไนท์เป็นนักเรียน Unlimited Inter Package SET C พี่โค้ชมีส่วนช่วยยังไงกับการเตรียมตัวบ้าง?
“พี่โค้ชช่วยผมได้เยอะเลยครับ พี่ๆช่วยเตรียมข้อสอบให้ ทำให้การฝึกทำข้อสอบของผม smooth ขึ้นครับ และทำให้ผมโฟกัสเฉพาะการทำข้อสอบได้เลย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ พี่โค้ชจะช่วยจัดการให้ทั้งหมดครับ ทั้งการสมัครสอบ ตารางสอบ อย่างผมก็ไม่ได้สอบเฉพาะ SAT แต่ทุกวิชาที่สอบพี่โค้ชก็ดูแลให้ครับ อัพเดทการเปลี่ยนแปลงต่างๆ หรือการเช็คพวกเกณฑ์คะแนนของมหา’ลัยที่ผมอยากยื่น”
Q3: เทคนิคการทำข้อสอบ SAT ในแต่ละชุด ที่ทำให้ได้คะแนนดีแบบนี้?
“เพราะ SAT แบ่งออกเป็น 3 พาร์ทใช่ไหมครับ คือ Reading, Writing และ Math เทคนิคของผมสำหรับข้อสอบReading ที่เรียนมาจากเนื้อหาของ InterPass คือการอ่านพารากราฟแรกเสร็จก่อนแล้วค่อยไปทำครับ จะได้ Main Idea มากกว่า และเทคนิคสำคัญที่ช่วยได้ทุกพาร์ทเลยครับก็คือ ผมจะเขียนลงไป 3 อย่างหลังฝึกทำโจทย์ก็คือ 1. ทำไมถึงผิด? 2. ผิดเรื่องไหน? 3. ทำยังไงให้ครั้งต่อไปไม่ผิดเหมือนเดิม? เพราะสำหรับพาร์ท Writing และ Math ของ SAT ผมคิดว่าง่ายมากอยู่แล้ว แค่ต้องตั้งใจทำ ไม่ให้พลาดเลย แล้วก็ต้องแข่งกับเวลา เพราะให้เวลามาน้อยมากครับ”
Q4: ซ้อมสอบ Simulation Test & ฝึกทำ Test Bank
“ผมจับเวลาทำเสมือนจริงสำหรับพาร์ทเลข แต่จริงๆ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากและช่วยได้ทุกพาร์ทเลยครับ แต่ว่าพาร์ท Math มีความยากอยู่ที่การทำไม่ทันเวลาครับ ดังนั้นการซ้อมสอบ Simulation Test ในมุมของผมนั้นสำคัญมากๆ
ผมทำ Test Bank ครบทุกชุดครับ มีให้อยู่แล้วในระบบ แล้วทุกชุดดูเฉลย x-board ครบทุกชุด แล้วทำเป็นสเต็ป อย่างที่เคยบอกว่าต้องเขียนลงไปให้ครบ 3 อย่างครับ ในข้อที่ทำผิด ต้องรีวิวอย่างละเอียดจนเข้าใจแล้วไม่ให้พลาดอีกในครั้งต่อไป”
Q5: แล้วไนท์ตั้ง Target Score ไว้เท่าไร?
“เพราะผมอยากเข้าคณะ Computer Science ที่ CMKL University หรือถ้าต่างประเทศก็จะเป็น Stanford หรือ Top U ในอเมริกาครับ เลยตั้ง Target Score ไว้ที่คะแนน 1550+ ครับ ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญอย่างแรกที่ต้องทำก่อนทุกอย่าง คือการตั้ง Target Score ของตัวเองครับ
สำหรับวิธีการตั้ง Target สมมติว่าถ้าอยากเข้าคณะอินเตอร์ในไทย อย่างเช่น BBA CU คะแนน SAT สูงสุดก็ประมาณ 1,380 ใช่ไหมครับ จริงๆ ถ้าโฟกัสตั้งแต่แรกแบบนี้ คือไม่ได้อยากได้คะแนนเต็มหรือเกือบเต็ม ให้โฟกัสไปที่พาร์ท Writing ก่อน เพราะเป็นส่วนที่ทำคะแนนได้ดีกว่า แล้วค่อยมาโฟกัสพาร์ท Reading ทีหลัง เพราะถึงผิด Reading เกือบ 20 ข้อยังได้คะแนน 1500 เลย แค่ Make sure ว่าให้พาร์ท Math กับพาร์ท Writing ให้ได้เต็มครับ เพราะฉะนั้นไม่ยากเลยครับ ถ้าใครอยากได้คะแนนแค่ 1380+ แต่ถ้าอยากได้เกือบเต็มก็จะยากครับ เพราะ SAT เป็น Exponential Curve”
“จากรูปคะแนนด้านบนจะเห็นเลยว่า SAT พาร์ท Reading ทำผิด 14 ข้อ, พาร์ท Writing ทำผิด 1 ข้อและ Math ก็ทำผิด 1 ข้อ เพราะฉะนั้นพาร์ทที่ยากอย่าง Reading ที่อ่านยาก อ่านไม่ทัน จึงไม่จำเป็นต้องโฟกัสเยอะๆ เอาเวลาไปโฟกัสส่วนที่ทำคะแนนได้ง่ายกว่า ก็สามารถทำคะแนนตามที่ตั้งไว้ได้ ต้องดูว่าควรทำพาร์ทไหนเท่าไร เพื่อให้ได้ตามคะแนน Target ครับ”
Q6: ตอนสอบจริงครั้งแรกเป็นยังไง? เพราะไนท์บอกว่าเตรียมจริงจังแค่ 2 เดือน
“ผมเตรียมตัวไปค่อนข้างเยอะนะครับ แต่ตอนไปสอบจริงก็มีเรื่องที่ไม่ได้เตรียม คือไม่ได้เผื่อเวลาในการฝนข้อสอบใน Answer Sheet ครับ เพราะตอน Practice แค่วงคำตอบในกระดาษคำถามแล้วก็เช็คคำตอบเลย ทำให้ปวดหัวเลยครับ แล้วก็ Passage แรกที่เจอ Moby Dick ทำไม่รู้เรื่องเลยครับแบบ Oh my god! ตื่นเต้นด้วยครับ
ตอนฝึกทำที่บ้านทำคะแนนได้เกือบเต็มครับ 1580 แต่พอลงสนามจริงทั้งความกดดันเรื่องเวลา บรรยากาศตอนสอบครั้งแรกอีกด้วยครับ แต่คิดว่าครั้งต่อไปคะแนนน่าจะดีขึ้น”
เทคนิคการเรียน SAT 1300+ โฟกัสให้ถูกจุด ไม่เสียเวลาแบบ InterPass
“จริงๆ แล้วที่ตัดสินใจให้ลูกเรียนอินเตอร์ เพราะอยากให้สิ่งแวดล้อมของเขาเป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งจริงๆ แล้วเด็กอินเตอร์ไม่ได้เก่งแกรมม่าร์ทุกคน เขาพูดได้ ใช้ถูกแต่ไม่รู้ว่าวิธีใช้ต้องเป็นยังไง
แล้วพอมาอยู่ในบริบทของข้อสอบแล้วเนี่ยก็คือทำไม่ได้ เพราะในรูปแแบบของข้อสอบ
ก็จะเป็นเรื่องของการฝึกฝนที่เป็นส่วนสำคัญ ซึ่ง Foundation นั้นสำคัญที่สุด ควรเริ่มทำวันละนิดแต่ทำทุกวัน
ดีกว่าการทำทีเดียวเยอะๆ แล้วเบิร์นเอาท์จนเลิกทำไป”
ครูพี่กิ๊บ InterPass
เทคนิค 1
Target Score ตั้งเป้าคะแนนแยกพาร์ท
น้องๆ ต้องเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าก่อนว่าอยากได้คะแนนพาร์ทไหน เท่าไรทั้ง Reading Writing และ Math อย่าคิดว่าอยากได้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะมันไม่ชัดเจน ควรตัดสินใจเลยว่าอยากได้เท่าไร เพื่อจะได้ทำให้ระหว่างทางชัดเจนมากยิ่งขึ้น วางแผนได้เหมาะสมกับเป้าหมายของน้องและเวลาที่มี
เทคนิค 2
Foundation Knowledge ความรู้พื้นฐานต้องเพียงพอ
ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะก็ไปทำข้อสอบ Past Paper เลย เสียดายข้อสอบ น้องๆ จะต้องมีเบสิกแน่นๆ ก่อน เพื่อให้ความรู้ก่อนไปทำข้อสอบมีมากพอ รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องอะไร ต้องแก้ไขต่อยังไง จะได้พัฒนาคะแนนได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
เทคนิค 3
Practice ฝึกทำให้มากพอ
คลังข้อสอบ Test Bank ให้ได้ฝึกฝน หลังจากเรียนเนื้อหาจนแน่นปึ๊กแล้ว ครบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ให้เข้าไปฝึกฝน ค้นหาเทคนิคเฉพาะของตัวเองและพัฒนาความเร็วในการสอบ ข้อสอบ SAT Test Bank กว่า 20 ชุดของ InterPass มีมากพอแล้วสำหรับการฝึกทำโจทย์จนคล่อง นอกจากนี้ในหนังสือเรียนก็มีโจทย์อีก แล้วก็ยังมี Simulation Test อย่างน้อยๆ ที่จะได้ฝึกทำในคอร์ส SAT ก็ประมาณ 30 ชุด แล้วการจะทำโจทย์ให้มีประสิทธิภาพ ก็ต้องทำแบบที่บอกไป คือทบทวนว่าทำไมถึงผิด หรือแม้แต่ข้อที่เดาถูกก็ต้องทบทวนนะ มีวิธีไหนที่ทำถูกต้องโดยใช้เวลาน้อยลงหรือเปล่า ต้องเขียนทุกครั้งว่าทำผิดเรื่องอะไร เพื่อให้รู้ว่าจะต้องไปโฟกัสเรื่องไหน และสุดท้ายไปฝึกทำข้อสอบแยกเฉพาะเรื่อง เพื่อจะได้อัพคะแนน SAT ได้
1. Simulation Test จับเวลาเหมือนจริงทุกครั้ง
สิ่งสำคัญมากๆ แบบมากจริงๆ คือการฝึกทำข้อสอบเสมือนจริงและจับเวลาจริง เพื่อเช็คความพร้อมของตนเองและประเมินผลลัพธ์แบบคร่าวๆ เพื่อหาข้อผิดพลาดและแก้ไขให้ชำนาญ และควรทำฝึกทำข้อสอบจนครบทุกชุด อีกทั้งประหยัดเวลาและค่าสอบอีกด้วย
แม้ว่าหลังจากนี้ SAT 2023 จะเปลี่ยนไปเป็นแบบ Digital ข้อสอบที่มีอยู่ชุดเก่าๆ ก็จะต้องถูกปรับกันต่อไป แต่ส่วนที่เราจะเริ่มเตรียมตัวได้ก็คือ Practice & Preparation Test จาก College Board ที่ปล่อยออกมาเป็นตัวอย่าง สามารถเริ่มได้จากส่วนนี้เลย สามารถซ้อมทำ ฝึกทำจับเวลา ถึงแม้จะมีแค่ 4-5 ชุด ก็อย่าคิดว่าน้อยไม่พอที่จะทำ น้องๆ สามารถทำวนซ้ำไปซ้ำมาให้ถูกจนหมดได้เลย สำหรับแพลทฟอร์มใหม่ในการฝึกทำ Digital SAT 2023 ของนักเรียน InterPass ขอบอกไว้เลยว่าเหมือนจริงแน่นอน Digital อย่างแน่นอน!
Digital SAT Practice & Preparation Test
2. รีวิวละเอียดในข้อที่ทำผิด พยายามทำให้ได้ หาวิธีทำและเทคนิคที่ใช้
การฝึกทำข้อสอบเยอะมากๆ แต่ไม่เคยกลับมาดูละเอียดเลย ถึงทำข้อสอบ 20-30 ชุดก็ไม่ช่วยให้ได้คะแนนมากขึ้น เพราะไม่เคยรู้จริงๆ ว่าทำไมทำผิด เลยไม่เคยแก้ไขให้ถูกต้อง ดังนั้น ที่ทุกคนควรจะทำเลยและทำทุกครั้ง ก็คือรีวิวข้อสอบ ดูเรื่องที่ผิด และหาวิธีแก้ให้ได้ด้วยตัวเอง
3. เก็บคะแนนที่ทำทุกรอบ ดูเรื่องที่ผิดบ่อย ๆ เพื่อทบทวนเนื้อหาจนถูกทุกข้อ
ถ้าใครเป็นนักเรียน InterPass ก็รู้กันอยู่ว่าการทำข้อสอบในระบบ นอกจากจะบอกคะแนนในแต่ละพาร์ทแล้ว ก็จะมีการบอกอีกด้วยว่าในแต่ละข้อที่ทำผิดเป็นเรื่องไหน การฝึกทำหลายๆ ชุดก็จะทำให้น้องๆ เห็นว่าเรื่องที่เราทำได้ดีเป็นเรื่องไหน และเรื่องที่มักจะทำพลาดเป็นเรื่องไหน ส่วนนี้สำคัญกว่าข้อที่ทำได้อีก เพราะตรงนี้แหละที่ทุกคนจะต้องทำให้ตัวเองเข้าใจให้ได้ เพื่อสอบให้ได้คะแนนที่ต้องการ แต่ถึงเปลี่ยนเป็น Digital SAT ก็ไม่ต้องกลัวเพราะระบบการฝึกทำข้อสอบใหม่ของ InterPass รองรับการฝึกของน้องๆ แน่นอน แล้วทีมวิชาการก็จะเพิ่มข้อสอบ Drill แยกเรื่องทั้งโจทย์เลขและภาษาอังกฤษให้นักเรียนทุกคนได้ฝึกกันเพิ่มเติมอีกด้วย
สิ่งที่มักจะพลาดตอนเตรียมสอบ SAT
การไปสอบจริง ไม่ว่าสนามไหนๆ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นสนามสอบ SAT ก็มักจะมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว สิ่งที่อยากบอกในหัวข้อนี้ก็ได้มาจากน้องหลายๆ คนที่ไปสอบมาแล้วเกิดปัญหาก็จะบอกติวเตอร์ บอกพี่โค้ชว่ามีปัญหาเรื่องนี้ๆ นะ ได้มาเป็นข้อสรุปตามด้านล่างนี้เลย
นาฬิกาจับเวลา
เพราะตอนซ้อมจับเวลา น้องๆ หลายคนมักจะใช้นาฬิกานับถอยหลัง เพื่อดูว่าเวลาหมดตอนไหน แต่ในห้องสอบจริง นาฬิกาจะเป็นแบบดิจิตอล น้องๆ จะต้องกะเวลาเอาเองว่าเวลาจะหมดกี่โมง ส่วนนี้ก็เป็นเรื่องเล็กๆ ที่น้องไปสอบมาแล้วกลับมาบอกว่าไม่เหมือนกับตอนที่ซ้อมนะ
ไม่เคยฝึกฝนข้อสอบใน Answer Sheets
อย่างที่บอกตอนแรกเลย เพราะว่าตอนซ้อมสอบเขาจะแค่วงๆ คำตอบไว้แล้วพอทำเสร็จ เขาก็ตรวจคำตอบเลย ซึ่งของจริงต้องฝนกระดาษ ทำให้ผิดพลาดในเรื่องของการเผื่อเวลาในส่วนนี้ด้วย ซึ่งปีหน้า Digital SAT 2023 ก็จะไม่ต้องฝนข้อสอบแล้ว
อากาศในห้องเย็น/หนาวเกินไป
อุณหภูมิในห้องสอบ ก็มีผลสำหรับบางคนที่เมื่ออากาศหนาวเกินไป อาจจะทำให้ปวดห้องน้ำ หรือทำให้จิตไม่นิ่ง เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหมือนกันที่กระทบต่อการสอบ และควรเตรียมเสื้อกันหนาวเผื่อเอาไว้ด้วย
ฝึกสอบตอน 9 โมงตามเวลาจริง
การทำข้อสอบ SAT ติดกัน 3 ชม. เป็นเรื่องต้องทำอยู่แล้ว แต่การสร้างความคุ้นเคยเพิ่มขึ้นอีก ด้วยการเริ่มทำข้อสอบตอน 9 โมงเช้าทุกครั้งที่ฝึกทำข้อสอบ เพราะของจริงเริ่มเวลานั้น ก็เป็นการฝึกให้ร่างกายให้ตื่นตัวได้เช่นกัน
การมองแล้วรีบตอบเลย / การทำเร็วหรือช้าเกินไป
ถึงจะฝึกทำข้อสอบจนชำนาญแล้ว คิดว่าเก่งแล้ว แต่ว่าคนเก่ง-ปานกลาง หรือจะยังไม่เก่งเลย ก็มักจะมีข้อผิดพลาดกันคนละเรื่องอยู่ดี อย่างเช่นการทำเครื่องหมายหรือวง Keywords ในข้อสอบ ซึ่งเราก็จะบอกอยู่เสมอว่าจำเป็นต้องทำอยู่ เพราะมันจะช่วยให้เข้าใจโจทย์มากยิ่งขึ้น บางทีความผิดพลาดก็มาจากความรีบและเร็วเกินไป
เรียนคอร์สสด Digital SAT 2023
ช่วงการสอบของ Digital SAT ยังคงอยู่ในช่วงเดิมที่เคยสอบกันมา โดยรอบการเรียนของ InterPass ก็จะอิงตามรอบสอบของ College Board อยู่แล้ว เช็ครายละเอียดวันที่และเวลาได้ตามด้านล่างนี้เลย
- สอบรอบ 11 March 2023
SAT Eng | 28 ม.ค. – 5 มี.ค. เวลา 13:00 – 16:00 น.
SAT Math | 7 ม.ค. – 5 มี.ค. เวลา 09:00 – 12:00 น. - สอบรอบ 6 May 2023
SAT Eng | 18 มี.ค. – 30 เม.ย. เวลา 09:00 – 12:00 น. - สอบรอบ 3 June 2023
SAT Math | 25 มี.ค. – 28 พ.ค. 13:00 – 16:00 น. - สอบรอบ August/October
SAT Eng | 1 ก.ค. – 6 ส.ค. เวลา 09:00 – 12:00 น.
SAT Math | 17 มิ.ย. – 13 ส.ค. เวลา 13:00 – 16:00 น. - สอบรอบ December
SAT Eng | 13 ก.ย. – 22 ต.ค. เวลา 13:00 – 16:00 น.
SAT Math | 2 ก.ย.- 29 ต.ค. เวลา 09:00 – 12:00 น.
รายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับ Digital SAT 2023
Adaptive Test รู้จักการสอบแบบใหม่ของ SAT Digital 2023
แนวข้อสอบ SAT Digital 2023 พาร์ท Math
แนวข้อสอบ SAT Digital 2023 พาร์ท Reading & Writing
นอกจากการสัมภาษณ์เทคนิคจาก “น้องไนท์” ทั้งวิธีคิดและการฝึกซ้อมแล้ว InterPass ได้สรุปออกมาเพื่อให้ทุกคน สามารถนำไปปรับใช้ได้และทำตามได้อย่างแน่นอน แค่แต่ละคนจะต้องฝึกความพร้อม และหาเทคนิคการทำของตัวเองให้เจอก่อน นี่ก็เป็นสิ่งอยากบอกน้องทุกคนมาตลอดว่า SAT ไม่ได้ยากขนาดนั้นแค่รู้วิธี!
ปรึกษาสอบถามการเรียน SAT กับเราได้ทั้ง On-site สยามสแควร์ ซ.10 หรือ Online ผ่าน Line: @Interpass หรือโทร. 089-9964256, 089-9923965